หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค เดินทางเข้าเทียบเชิญพลเอก ประยุทธ์ทจันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ณ ตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาล ด้าน”บิ๊กตู่” ขอเวลาตัดสินใจอีก 1 สัปดาห์
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสุวิทย์ เมษินทรีย์รองหัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลัง พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค ตั้งขบวนขันหมากจาก ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ อาคารปานศรี เขตจตุจักร เพื่อเข้าเทียบเชิญพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขึ้นมาเป็นรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับที่ 1 ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ณ ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล
โดยนายอุตตม กล่าวว่า สินสอดหรือเอกสารที่ได้จัดเตรียมไว้เพื่อเสนอให้ พลเอกประยุทธ์ พิจารณาว่าจะรับขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบไปด้วย ประวัติความเป็นมา กฎระเบียบและนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้พลเอก ประยุทธ์ พิจารณาว่าจะรับเทียบเชิญเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ โดยจะให้เวลาในการตัดสินใจแก่นายกรัฐมนตรี ไปจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ กกต.กำหนดให้แต่ละพรรคการเมืองส่งรายชื่อแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี
ข่าวน่าสนใจ:
ด้านนายกอบศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่พรรคพลังประชารัฐมีมติให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีอันดับที่ 1 ของพรรคพลังประชารัฐนั้น เนื่องจากพลเอก ประยุทธ์ มีภาวะของผู้นำ เป็นผู้เสียสละเพื่อชาติ กล้าที่จะตัดสินใจ มีความโปร่งใสในการทำงาน จึงมั่นใจว่าพลเอก ประยุทธ์ จะนำพาประเทศสู่การพัฒนา
พลเอก ประยุทธ์ จึงเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนประเด็นที่นักข่าวถามเพิ่มเติมว่าการที่ พลเอกประยุทธ์ มักอารมณ์เสียใส่นักข่าวเวลาตอบคำถามนั้น จะเป็นภาพลักษณ์ในแง่ลบนั้น นายกอบศักดิ์ ได้หล่นความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า พลเอกประยุทธ์ เป็นคนปากร้ายแต่ใจดีมีความจริงใจและซื่อซัตย์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทางพรรคเล็งเห็นว่ามีความสำคัญมากที่สุดในการจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เมื่อแกนนำทั้ง 4 คน ของพรรคพลังประชารัฐได้เข้าพบกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า ขณะกำลังแถลงผลงานของรัฐบาล 4 ปีที่ผ่านมาผ่านสื่อมวลชนว่า ขอโทษที่พูดไม่เพราะ บางทีก็เผลอไผลไปบ้าง บางทีอารมณ์ก็ขึ้น ตนก็ไม่อยากว่าทุกคน พูดด้วยเหตุและผล
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้พูดแซว นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่าว่า มาแบบนักการเมืองเต็มตัวแล้ว วันนี้ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง เพราะปกติเห็นกันทุกวันที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด ต่างคนต่างพูดกันก็ไขว้เขวกันไปหมด ทำให้เรื่องมันบานปลาย รัฐบาลหน้าจะเกิดขึ้น ตนไม่อยากให้เกิดการขัดแย้ง อยากให้เกิดความปรองดองในทุกพรรคการเมือง การพูดการจาอะไรต้องระวัง เพราะเคยทำงานร่วมกันมาก่อน
ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ ขอเวลาในการศึกษากฏระเบียบต่างๆ อีก 2-3 วัน และจะให้คำตอบว่าจะตอบตกลงขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 ของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: