สนธิรัตน์ ขึ้นเวทีปราศรัยทิ้งทวน ยืนยันรัฐบาลทหารไม่ได้เข้ามายึดอำนาจ เพียงต้องการรักษาประเทศจากความไม่สงบก่อนการรัฐประหาร ชี้เศรษฐกิจประเทศไม่แย่เพราะมีเงินทุนสำรองประเทศติดอันดับ 12 ของโลก โดยท้ายการปราศรัยพรรคได้มีเซอร์ไพรส์ด้วยการปรากฏตัวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ที่สนามเทพหัสดิน พรรคพลังประชารัฐเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ท่ามกลางประชาชนที่แห่เข้าร่วมฟังการปราศรัยอย่างคึกคักหลายพันคนเต็มสนามกีฬาเทพหัสดิน ซึ่งมีเซอร์ไพรส์ใหญ่คือการปรากฎตัวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีแกนนำของพรรคอย่างนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายสุวิทย์ เมสินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยแกนนำคนอื่นๆ และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคร่วมขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงครั้งสุดท้าย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า วันนี้เป็นวันปิดการปราศรัยใหญ่ของพรรคที่จะสร้างประวัติศาสตร์การเมืองใหม่ร่วมกับประชาชน ซึ่งประชาชนไม่อยากเห็นประเทศกลับไปเป็นเหมือนเดิมคือมีความแตกแยก และไม่สงบ 4 ปีที่แล้ว ประเทศไทยวิกฤติที่สุด ประเทศกำลังล้มเหลวปกครองไม่ได้ ไม่ปลอดภัย
มีแต่ความขัดแย้งรุนแรง ซึ่งไม่มีครั้งใดที่คนไทยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเข่นฆ่ากัน มีความขัดแย้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง วันนั้นความเกลียดชังแบ่งแยกด้วยวาทกรรมของผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ซึ่งตนเองไม่อยากให้ประชาชนลืมเรื่องที่เจ็บปวดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งวันนั้นมีกำลังทหารออกมากู้วิกฤต ทำให้เรายังมีบ้านเมืองที่สลบสุขเช่นทักวันนี้
วันนั้นทหารเข้ามาไม่ได้ต้องการยึดอำนาจ แต่ต้องการรักษาบ้านเมืองให้สงบสุขดั่งเดิม ฉะนั้น 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลทหารทำให้ประเทศสงบไม่แตกแยก คนไทยกลับมารวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่พอถึงวันใกล้จะเลือกตั้ง วาทกรรมการเมืองของนักการเมืองต่าง ๆ ก็หยิบยกออกมาโจมตีรัฐบาลทหาร ทำเสมือนว่ารัฐบาลทหารเลวร้ายทำลายประเทศ ซึ่งเป็นคำกล่าวหาเท็จไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย
4 ปีที่ผ่านมามีความเจริญกลับมาสู่ประเทศ มีความแข็งแกร่งในด้านต่างๆ แต่ก็โดนวาทกรรมว่ารัฐบาลทหารทำให้เศรษฐกิจในประเทศวิกฤต แต่ความเป็นจริงแล้วประเทศไทยมีเงินทุนสำรองประเทศอยู่อันดับ 12 ของโลก ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งทางการเงินที่ดีมากๆ ซึ่งวันนี้กำลังจะใกล้เข้ามาถึงแล้วสำหรับวันเลือกตั้งที่จะเดินทางไปสู่ประชาธิปไตย
เป็นวันที่สำคัญที่สุดอีกวันหนึ่งซึ่งประชาชนจะต้องร่วมกันออกไปใช้สิทธิ์ตัดสินกำหนดอนาคตของประเทศ โดยที่เรากำลังต่อสู่กับระบอบที่ฝังรากลึกในประเทศ แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ประเทศข้ามความขัดแย้งไปได้ คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งได้ทุ่มเททำงานมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนเองยืนยันว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้หลงในอำนาจ
ไม่ได้สืบทอดอำนาจ เพียงแต่ต้องการจะทำงานต่อ เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ซึ่งยังมีเรื่องอีกมากมายที่ยังค้างคาที่ต้องสานงานกันต่อ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ ฉะนั้นแล้วตนเองอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นในเกียรติของชายชาติทหารอย่างพลเอกประยุทธ์ มากกว่าลมปากนักการเมือง
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงช่วงสุดท้ายของการปราศรัยพรรคพลังประชารัฐก็ได้มีการทำเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ให้กับสื่อมวลชนและประชาชนที่มาเข้าร่วมฟังการปราศรัยดังกล่าว ด้วยการปรากฏตัวของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พ่วงท้ายด้วยตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ
โดยพลเอกประยุทธ์ กล่าวว่าอยากเห็นประชาชนทุกคนก้าวไปพร้อมกับตนเองเพื่อพัฒนาประเทศ โดยไม่อยากเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นในประเทศอีกแล้ว ตนเองพร้อมจะสละชีพเพื่อตอบแทนบุญคุณของประเทศที่ตนเองเกิด และได้เติบโตมีอาชีพ ซึ่งตนเองจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาแผ่นดินผืนนี้เอาไว้ และทุกคนจะเดินหน้าไปด้วยกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: