กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมด้านการเดินทางให้กับประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมพระราชพิธีราชาภิเษกด้วยการเตรียมรถ ขสมก.บริการฟรี 900 คัน พร้อมกันนี้ยังให้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา-เรือข้ามฟากฟรี และรถไฟฟรี ในช่วงวันที่ 2-6 พ.ค.นี้
นายวิทยา ยาม่วง รักษาการผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การอำนวยความสะดวกในส่วนการเดินทางของประชาชนที่จะเข้าร่วมพระราชพิธีราชาภิเษก ทาง ขสมก. ได้จัดรถ 900 คัน 16 เส้นทาง แบ่งเป็น 11 เส้นทางรอบ กทม. เข้ามายังโดยรอบพระบรมมหาราชวัง โดยจะมาจอดตามจุดต่าง ๆ 6 จุด และมีรถชัตเทิลบัสเข้ามาพื้นที่ชั้นใน 5 เส้นทาง ได้แก่ สนามม้านางเลิ้ง, บ้านมนังคศิลา, สะพานพระราม 8, วัดเทพศิรินทร์ฯ, สะพานพุทธฯ ซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 2-6 พ.ค.นี้
กระทรวงคมนาคมยังได้จัดขบวนรถไฟเส้นทางพิเศษ เช่นเส้นทาง นครปฐม – บางกอกใหญ่, อยุธยา – หัวลำโพง, ฉะเชิงเทรา – หัวลำโพง เป็นต้น เพื่อพาประชาชนเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครได้อย่างสะดวก และเมื่อถึงสถานีรถไฟปลายทางที่สถานีหัวลำโพงแล้ว ก็สามารถต่อรถชัตเตอร์บัสเพื่อมุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวังได้ทันที
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมยังได้จัดการให้บริการ เรือข้ามฟาก และเรือด่วนเจ้าพระยา แก่ประชาชนฟรี ซึ่งเรือข้ามฟากสามารถขึ้นไดที่ท่าสะพานพระปิ่นเกล้า และสะพานพระราม 8 ในส่วนเรือด่วนนั้นได้มีการจัดเตรียมเรือด่วนฟรีในเส้นทางนนทบุรี – พระบรมมหาราชวัง และ สาทร – สะพานพุทธ
ข่าวน่าสนใจ:
- ทนายเกรียง พา สาวนักแข่งรถจักรยานยนต์ทีมชาติไทย แจ้งความดำเนินคดีกับนายกสมาคม ข้อหาหมิ่นประมาท และ พรบ.คอม
- "เลยดั้น" แค่มุมภาพเดียว กลายเป็นไวรัล ดึงดูด นทท.แห่เช็คอินถ่ายภาพ อ.น้ำหนาวเตรียมดันเป็นซอฟพาวเวอร์
- สองแม่ลูกปีนหน้าต่างชั้น 2 หนีตายไฟไหม้บ้านกลางดึก คาดไฟฟ้าลัดวงจร
- หนุ่มวัย 21 นัดเคลียร์กับรุ่นน้องวัย 16 แต่คุยกันไม่ลงตัวเกิดชกต่อยกัน ก่อนชักมีดแทงรุ่นน้องดับ
นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังได้เตรียมอำนวยความสะดวกบนการทางพิเศษ ได้มีการเตรียมพร้อมในกรณีเกิดรถเสียไว้เพื่อให้สามารถจัดการการจราจรให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยใช้โมเดลที่เคยปฏิบัติงานนำมาแก้ไข และกระทรวงคมนาคมมีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะอำนวยความสะดวกในเรื่องการเดินทางให้แก่ประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมพระราชพิธีราชาภิเษก
ด้านพล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้(18 เม.ย.) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานเปิดการประชุมกองอำนวยการ ซึ่งจะทำงานตลอด 24 ชม. เกี่ยวกับพระราชพิธีราชาภิเษก โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
ซึ่งพลเอกประวิตร กล่าวขอบคุณในการดำเนินการหาน้ำศักสิทธิ์มาประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกที่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ส่วนการจัดการจราจรในการซ้อมเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย และยังได้สั่งการในการดำเนินการอีก 7 ประเด็นดังนี้
1.กองอำนวยการต้องมีการประชุมทุกวันในเวลา 9.00 น. โดยมีประธานกระทรวงกลาโหม, ผบ.เหล่าทัพ, ตำรวจ และ อีก 40 หน่วยงานร่วมประชุม และก่อนเวลา 12.00 น. ต้องสรุปผลประชุมให้พลเอกประวิตรทราบ
2.ให้ทุกส่วนติดตามข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานกานณ์ต่าง ๆ
3.แบ่งพื้นที่ 6 โซน ดูแลความปลอดภัยมอบหมายผู้บัญชาการตำรวจ 6 ท่านร่วมปฏิบัติงาน และต้องตรวจทานทุกอย่างตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเพื่อให้ทราบข้อมูลต่าง ๆ ในพื้นที่อย่างละเอียด
4.ต้องมีการซ้อมความเข้าใจในระดับผู้บังคับบัญชา และผู้ปฏิบัติงาน ให้ทุกคนรู้หน้าที่ และมีความเข้าใจเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
5.การปฏิบัติหน้าที่ทุกจุดได้นำเทคโนโลยี เช่น การสแกนใบหน้า, ซีซีทีวี เข้ามาร่วมปฏิบัติหน้าที่และเชื่อมโยงมายังกองอำนวยการตลอดเวลา
6.ผู้บัญชาการทุกระดับต้องลงลึกในการปฏิบัติงานในทุกหน่วย
7.ข้าราชการทุกนายถือเป็นเกียรติสูงสุดที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่ในพระราชพิธีราชาภิเษก จึงขอให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ให้สมพระเกียรติของในหลวงรัชกาลที่ 10
ทั้งนี้จึงอยากขอเชิญชวนประชาชนทุกคนทุกเหล่ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ ซึ่งกองอำนวยการพร้อมดูแลความปลอดภัยของประชาชนทุกคนอย่างเต็มที่ เพราะถือว่าประชาชนทุกคนเป็นแขกของพระองค์ท่าน นอกจากนี้ในหลวงยังมีรับสั่งให้จัดโรงครัวพระราชทานไว้บริการประชาชนที่มาเช้าร่วมพระราชพิธีตั้งแต่ในวันที่ 2-6 พ.ค.นี้ และภายในบริเวณที่ประชาชนเข้าร่วมจะมีการปูเสื่อทุกจุดเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสบายให้กับประชาชนทุกคน
ขณะที่พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ด้านการจราจรวันนี้(18 เม.ย.) เป็นการเชิญน้ำอภิเษก ซึ่งช่วงเช้าเชิญริ้วขบวนมีการปิดการจราจร 7 เส้นทาง แต่ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่ช่วงเย็นเป็นพิธิเสกน้ำอภิเษกที่วัดสุทัศน์ ซึ่งจะไม่มีการปิดการจราจร
สำหรับวันพรุ่งนี้(19เม.ย.)จะมีการเชิญน้ำอภิเษกจากวัดสุทัศน์ ไปที่พระบรมมหาราชวัง ซึ่งจะมีการปิดเส้นทาง 16 เส้นทางตั้งแต่เวลา 6.00 น.- 11.00 น. เส้นทาง เป็นระยะทาง 1890 เมตร ประกอบด้วยดังนี้
1.ถนนบำรุงเมือง
2.ถนนตะนาว (จากแยกคอกวัว ถึง แยก สี่กั๊กเสาชิงช้า)
3.ถนนเฟื่องนคร (จากแยกสี่กั๊กพระยาศรี ถึง แยกสี่กั๊กเสาชิงช้า)
4.ถนนตีทอง (จากแยกเฉลิมกรุง ถึง แยกเสาชิงช้า)
5.ถนนอุณากรรณ (จากแยกอุณากรรณ ถึง แยกศิริพงษ์)
6.ถนนดินสอ (จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึง เสาชิงช้า)
7.ถนนราชดำเนินกลาง ฝั่งขาออก (จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึง แยกผ่านพิภพ)
8.ถนนราชดำเนินในตลอดสาย
9.ถนนราชินี (จากแยกผ่านพิภพ ถึง แยกสะพานช้างโรงสี)
10.ถนนอัษฎางค์ (จากแยกผ่านพิภพ ถึง แยกสะพานช้างโรงสี)
11.ถนนหน้าพระลาน ตลอดสาย
12.ถนนสนามไชย (แยกป้อมเผด็จ ถึง แยกวงเวียน รด.)
13.ถนนหับเผย
14.ถนนหลักเมือง
15.ถนนกัลยาณไมตรี
16.ซอยสราญรมย์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเปิดการจราจรเป็นช่วงๆ ในช่วงที่ขบวนยังไม่ผ่านหรือในเส้นทางที่ขบวนผ่านไปแล้ว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการจราจรให้กับประชาชนโดยเร็ว เพื่อให้ได้รับผลกระทบจากปัญหา การจราจรน้อยที่สุด
และในวันที่ 21 เม.ย.นี้ จะมีการซ้อมริ้วขบวนพยุหยาตรา ซึ่งจะมีกำลังปฏิบัติการมากยิ่งขึ้นกว่าวันที่ 17 เม.ย. ซึ่งจะปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 16.00 น – 22.00 น. เส้นทางที่ปิด 40 เส้นทางเหมือนวันที่ 17 ประกอบด้วย
1.ถนนหน้าพระลาน ตลอดสาย
2.ถนนหน้าพระธาตุ ตลอดสาย
3.ถนนราชดำเนินใน (แยกผ่านพิภพ ถึง แยกป้อมเผด็จ)
4.ถนนสนามไชย (แยกป้อมเผด็จ ถึงแยกตัดถนนพระพิพิธ)
5.ถนนหับเผย
6.ถนนหลักเมือง
7.ถนนกัลยาณไมตรี
8.ซอยสราญรมย์
9.ถนนพระจันทร์ ตลอดสาย
10.ถนนมหาราช (ท่าพระจันทร์ ถึง แยกปากคลองตลาด)
11.ถนนท้ายวัง
12.ถนนเชตุพน
13.ซอยเศรษฐการ
14.ถนนราชินี (ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า – แยกผ่านพิภพ ถึง แยกพระพิทักษ์)
15.ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า (แยกอรุณอัมรินทร์ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า)
16.ถนนราชดำเนินกลาง ตลอดสาย
17.ถนนจักรพงษ์
18.ถนนสามเสน (แยกบางขุนพรหม ถึง แยกบางพลู)
19.ถนนตะนาว (แยกสี่กั๊กเสาชิงช้า ถึง วงเวียนสิบสามห้าง)
20.ถนนสิบสามห้าง
21.ถนนบวรนิเวศ
22.ถนนข้าวสาร
23.ถนนรามบุตรี
24.ถนนตานี
25.ถนนไกรสีห์
26.ถนนพระสุเมรุ
27.ถนนดินสอ (แยก กทม. ถึงแยกวันชาติ)
28.ถนนประชาธิปไตย
29. ถนนราชดำเนินนอก (จากแยก จปร. ถึง แยกผ่านฟ้า)
30. ถนนนครสวรรค์ (จากแยกผ่านฟ้า ถึง แยกจักรพรรดิพงษ์)
31. ถนนหลานหลวง (จากแยกผ่านฟ้า ถึง แยกหลานหลวง)
32. ถนนมหาไชย (จากแยกป้อมมหากาฬ ถึง แยกสาราญราษฎร์)
33. ถนนบุญศิริ (จากถนนอัษฎางค์ ถึง ถนนบูรณศาสตร์)
34. ถนนราชบพิธ
35. ถนนบำรุงเมือง (จากสะพานช้างโรงสี ถึง แยกสี่กั๊กเสาชิงช้า)
36. ถนนเจริญกรุง (จากวงเวียน รด. ถึง แยกเฉลิมกรุง)
37. ถนนเฟื่องนคร (จากแยกสี่กั๊กพระยาศรี ถึง แยกสี่กั๊กเสาชิงช้า)
38. ถนนบ้านหม้อ (จากสี่กั๊กพระยาศรี ถึง แยกบ้านหม้อ)
39. ถนนอัษฎางค์ (จากแยกผ่านพิภพ ถึง แยกพระพิทักษ์)
40. ถนนพระพิพิธ (จากถนนสนามไชย ถึง แยกพระพิทักษ์)
ทั้งนี้จากการปฏิบัติการในช่วงที่ผ่านมาพบว่าประชาชนไม่ได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด สำหรับประชนที่ต้องการสอบถามเส้นทางการจราจรที่จะปิดเพิ่มเติมสามารถโทรสายด่วน 1197
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: