นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรียกร้อง กกต.ใช้ ม.91 คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพราะเป็นไปตามที่กฏหมายระบุตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งอยู่แล้ว พร้อมแสดงความมั่นใจนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จะไม่โดนใบส้มและได้เข้าสภาในฐานะ ส.ส.เพราะจัดการเรื่องหุ้นเสร็จตั้งแต่ 8 ม.ค.62 แล้ว
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การคำนวณจำนวนที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อนหน้านี้พรรคอนาคตใหม่เคยแถลงข่าวการคำนวณไปก่อนแล้ว ซึ่งจะมีสิ่งที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยคือ ม.91 และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ม.128 สรุปความคือต้องคิดคะแนนจาก ส.ส.พึงมีที่จำนวน 71,057.498 คะแนน
ซึ่ง ม.91 (4) เขียนไว้ชัดเจนคือไม่อนุญาตให้พรรคใดมี ส.ส. เกินจำนวนพึงมี ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่ชนะ ส.ส.เขต 137 ที่นั่งจึงเกินกว่าที่จะมี ส.ส. พึงมี ส่วนพรรคอื่นต้องมีคะแนน 71,057.498 คะแนนขึ้นไปก่อน จากฐานข้อมูลของ กกต.มีทั้งหมด 16 พรรค ที่จะได้รับคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และจะเหลือ 15 พรรค เพราะพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเกินไปแล้ว
ส่วนพรรคอนาคตใหม่มีคะแนน 6.3 ล้านคะแนน ซึ่งได้ที่นั่ง ส.ส. 87 ที่นั้ง ประกอบด้วย ส.ส.เขต 30 ที่นั่ง และบัญชีรายชื่อ 57 ที่นั่ง แต่ถ้า กกต. ยืนยันจะใช้คะแนนเสียงแจกพรรคเล็กที่มีคะแนนไม่ถึง 71,057.498 คะแนน พรรคอนาคตใหม่จะโดนผลกระทบคือจะมีจำนวน ส.ส. หายไป 7 คน
และคิดเป็นคะแนนที่หายไปกว่า 6 แสนคะแนน ซึ่งระบบการเลือกตั้งครั้งนี้ออกแบบมาเพื่อให้ความสำคัญกับทุกคะแนนเสียง แต่ กกต.กลับไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว เพราะเคยไม่นับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งที่มาจากประเทศนิวซีแลนด์แล้วครั้งหนึ่ง
การตีความของ กกต.ในวันพรุ่งนี้(8 พ.ค.62) จึงมีความหมายเพราะไม่ใช้ ม.91 มาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแจกเก้าอี้ให้พรรคเล็กก็หมายความว่าจะเอาคะแนนของพรรคอนาคตใหม่ไปอีก 6 แสนคะแนนทิ้งน้ำไป ทำให้สรุปได้ว่าจะเกิดความไม่เป็นธรรมกับพรรค และไม่เป็นธรรมกับผู้สมัคร และจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล
โดยทำให้พรรคที่ร่วมกันต้านอำนาจของ คสช. มีคะแนนเสียงหายไปเกือบ 10 คน และจะกลายเป็นว่ามีคะแนนน้อยกว่า 250 ที่นั่งทำให้เสียงข้างมากเปลี่ยนไปทันที ดังนั้นจึงขอให้ กกต.คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยยึดม.91 เป็นหลัก ซึ่งเป็นกติกาที่ประกาศล่วงหน้าในกฏหมายอยู่แล้ว
ขณะที่พรุ่งนี้ (8 พ.ค.62) ศาลรัฐธรรมนูญจะมีวินิจฉัยที่ผู้ตรวจการแผ่นดินร้องไปว่า พ.ร.ป.ม.128 ขัดกับ ม. 91 หรือไม่ ซึ่งไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเป็นเช่นใดก็จะไม่ส่งผลกระทบให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะเพราะเป็นการร้องว่ากฏหมายขัดกันเท่านั้นหรือไม่ ไม่ได้ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
และต่อให้ พ.ร.ป.ม.128 ขัดรัฐธรรมนูญจริงๆ กกต.ยังมี ม.91 ในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่ดี และต่อให้วินิจฉัยว่า พ.ร.ป.ม.128 ไม่ขัดกับกฏหมาย กกต.ก็ต้องคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยใช้ ม.91เป็นหลักเท่านั้น
ซึ่งถ้า กกต. ทำให้พรรคเสียหายคะแนนหายไป 6 แสนคะแนน จะมีโทษในทางกฏหมาย จึงอยากให้ กกต.พึงระวังด้วย โดยพรรคจะไปยื่นหนังสือให้ กกต. ยึดหลัก ม.91 ในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อเป็นการปกป้อง ส.ส.ในสังกัดของตนเองและรักษาคะแนน 6 แสนคะแนนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ไว้
แจงหุ้นวี-ลัค โอนเสร็จตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.62 มั่นใจธนาธรไม่โดนใบส้มได้เข้าสภาแน่นอน
วันนี้ (7 พ.ค.62)นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ให้ทีมกฏหมายไปยื่นหนังสือเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการไต่สวน โดยประเด็นที่ยื่นเพิ่มเกี่ยวกับข้อกฏหมายต่างๆ ยืนยันในการโอนหุ้นมีผลนับต่อลงนาม และบุคคลภายนอกเมื่อจดทะเบียน ซึ่งนายธนาธร ทำครบตั้งแต่วันที่ชี้แจงไปแล้ว
และคณะกรรมการไต่สวนไม่มีสิทธิ์ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็น ส.ส. อีกต่อไปแล้ว เพราะได้มีการตรวจสอบเมื่อช่วงก่อนสมัครจนถึงวันที่ประกาศผลคะแนนแล้ว ดังนั้นกกต.ไม่มีอำนาจในการแจกใบส้มให้นายธนาธรเพราะการแจกใบส้มเป็นเรื่องเกี่ยวกับการธุจริตเลือกตั้งเท่านั้น แต่นายธนาธรเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลเท่านั้นซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน
นอกจากนี้ กกต. ยังอ้าง ม.41 ที่เป็นกฏหมายเขียนกว้างๆ ว่า กกต.มีสิทธิตรวจสอบ ส.ส.เมื่อไรก็ได้ แต่ถ้า กกต.อ้าง ม.41 ตลอด นั่นคือ กกต.กำลังจะเอาบททั่วไปมาใช้กับกรณีเฉพาะ และกฏหมายอื่นไม่จำเป็นต้องใช้เพราะ กกต.จะหยิบ ม.41 มาใช้เท่านั้น
นั่นหมายความว่า กกต.จะมีอำนาจตรวจสอบ ส.ส. ตลอดเวลา ซึ่งความจริงแล้วบทเฉพาะต้องใช้ก่อนบททั่วไป และการตั้งข้อกล่าวหานายธนาธร ก็ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายนายธนาธรเข้าชี้แจง และไม่เคารพหลักความเท่าเทียม
ทั้งนี้ยืนยันว่าการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ของนายธนาธร มีผลเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.62 และไม่มีหุ้นสื่อใดๆ คงค้างอยู่แล้ว จึงมั่นใจว่าในวันพรุ่งนี้(8 พ.ค.62)นายธนาธรจะไม่ถูกแจกใบส้ม และจะถูกแขวนชื่อไว้ใน 5% และนายธนาธรจะได้เข้าสภาในฐานะ ส.ส.อย่างแน่นอน
