เก๋งแดง ขวางรถพยาบาล เป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต สามารถประจานผ่านสื่อได้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ต้องรับโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 330 วรรคแรก
จากกรณี รถฉุกเฉิน เปิดไซเรนขอทาง เนื่องจากมีผู้ป่วยต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล ขณะในช่องเลนขวานั้นได้มี รถเก๋ง ซูซูกิ สวิฟต์ สีแดง ไม่ยอมหลบอยู่ในเลนขวา รถฉุกเฉินจึงต้องแซงซ้าย โดยขณะที่แซงนั้น รถเก๋งคันดังกล่าวได้เปิดกระจกพร้อมกับคนนั่งข้างคนขับหันมามอง จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ไลฟ์สดในเพจ ทนายคลายทุกข์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คนขับเป็นผู้หญิง มากับแฟนซึ่งเป็นบุคลากรทำงานอยู่ สำนักการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ซึ่งต้องมีความรู้ด้านการพยาบาลเป็นอย่างดี แต่กลับขับรถช้า ขวางอยู่ในช่องจราจรด้านขวา ไม่หลีกทางให้กับรถพยาบาลที่ตามหลัง ซึ่งตามกฎหมายรถวิ่งช้า ต้องชิดขอบทางด้านซ้าย
โดย รถพยาบาล ขณะเกิดเหตุได้เปิดแสงวับวาบ หรือไซเรน ตามหลัง ดังนั้น รถเก๋งแดงจะอ้างว่า ไม่มีเจตนาคงฟังไม่ขึ้น เพราะพฤติกรรมชัด ต้องการขัดขวางรถฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ข้อ 75 (4) ได้ระบุไว้ว่า อนุญาติให้รถพยาบาล หยุด หรือ จอดในที่ห้ามจอดได้ เช่น หยุดหรือจอดกลางถนน , ขับเกินอัตราความเร็วที่กฎหมายกำหนด , ผ่าสัญญาณไฟ และข้อ 75 (5) ไม่ต้องปฎิบัติตามกฎหมายจราจร เพียงแต่ต้องใช้ความระวังสมควรต่อกรณี
สำหรับกรณี ผู้ป่วยในรถพยาบาลได้เสียชีวิต มีผุู้สอบถามว่า จะฟ้องคนขับรถเก๋งแดง ได้หรือไม่?
ทนายเดชา กล่าวว่า การที่ผู้ป่วยถึงแก่ความตาย ทายาทของผู้ป่วยที่ถึงแก่ความตาย ก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินคดีทางแพ่ง ในความผิดฐานละเมิด เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง เนื่องจากทุกวันนี้ คนป่วย คนเจ็บในรถฉุกเฉินต้องฝ่าการจราจรที่ติดขัด หากขาดจิตสำนึก เห็นแก่ตัว สังคมก็จะอยู่ยาก
ส่วนประเด็น การโพสต์คลิปประจานผ่านสื่อ เฟซบุ๊ก ยูทูป เกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัวของบุคคล โดยหลักการไม่สามารถทำได้ ยกเว้น เป็นพฤติกรรมมีผลกระทบต่อสังคม หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม.330 วรรคแรก
กรณีนี้ ถือเป็นอุทาหรณ์เกี่ยวกับสำนึกของบุคคล ในการเปิดทางให้รถพยาบาล ที่รับผู้ป่วยฉุกเฉินไปส่งโรงพยาบาลว่า ควรจะหลบซ้าย หรือหลีกทางให้รถพยาบาล
ขณะที่ บริษัท สแตนบาย แอมบูแลนซ์ เซอร์วิส จำกัด ต้นสังกัดของพนักงานขับรถพยาบาลที่โพสต์คลิป ได้ออกแถลงการณฺ์ ขอโทษ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
นายปฐมพงศ์ โต๊ะเก็ง ประธานกรรมการบริษัท ระบุว่า ได้สอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า เป็นปัญหาขัดแย้งส่วนตัวระหว่าง พนักงานขับรถพยาบาล ไม่ใช่ความบกพร่องของ สพฉ. และยอมรับผิดทุกประการ
