หนุ่มใบแดง ในคลิป “จับได้ใบแดง ยายจะอยู่อย่างไร” เรื่องถึงหู “พ.อ.วินธัย” ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร สัสดี ลงพื้นที่พูดคุยกับครอบครัว นายศักดิ์ฤทธิ์ ศรีสุนทร อยู่กับยายลำพัง 2 คน มีอาชีพรับจ้าง รายได้ครอบครัววันละ 300 บาท
จากกรณี สมาชิกเฟซบุ๊ก “Art Tua Por” โพสต์คลิป หนุ่มคนหนึ่ง จับได้ใบแดง ในการตรวจคัดเลือกทหารกองเกินประจำปี 2561 ทำให้ เจ้าตัวร้องไห้ฟูมฟาย จนทราบว่า หนุ่มคนดังกล่าวเป็นห่วงยาย หากต้องไปเกณฑ์ทหารจะไม่มีใครดูแล เนื่องจากตัวเองถูกพ่อแม่ทิ้ง จึงอยู่กับยาย 2 คน และยายบอกมาว่า “อย่าทิ้งยายนะ ต้องกลับมาอยู่กับยาย ยายมีเอ็งคนเดียว”
ล่าสุด เพจกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย โพสต์ข้อความ “เจ้าหน้าที่ทหาร สัสดี ลงพื้นที่พูดคุยกับครอบครัว นายศักดิ์ฤทธิ์ ศรีสุนทร หรือ บุคคลที่มีการถูกแชร์เรื่องราวในคลิป ที่เป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ‘จับได้ใบแดง ยายจะอยู่อย่างไร’
โดย นายศักดิ์ฤทธิ์ เล่าว่า “เหตุการณ์ในตอนนั้น ร้องไห้เพราะตกใจ ไปคนเดียว ไม่มีคนให้ปรึกษา ตนเองจับได้ผลัด 2 ในเดือนพฤศจิกายน” ปัจจุบัน ประกอบอาชีพรับจ้าง เป็นพนักงานธุรการ บริษัทอุปกรณ์ไฟฟ้า บริเวณ ถ.ท่าดินแดง เขตคลองสาน รายได้วันละ 300 บาท และป้ากับยายช่วยกันร้อยพวงมาลัยแล้วให้ยายไปขายบริเวณหน้า 7-11 หน้าวัดนาคปรก ซ.เพชรเกษม 23 รายได้ วันละประมาณ 200 บาท
เมื่อช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.60 เคยทำงานอยู่ที่สำนักพระราชวัง ฝ่ายสนมมีหน้าที่ในการรับเสด็จ แต่ถูกให้ออก เนื่องจากยังไม่ผ่านการตรวจเลือกทหาร และบัตรเขียวถูกยกเลิก ส่วนชื่อ นพดล ที่ใช้ใน เฟซบุ๊คเป็นนามแฝง ไม่มีเจตนาอย่างอื่น ปัจจุบันเลิกเรียนแล้ว เนื่องจากไม่มีเงิน
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า มีพบอยู่บ่อยครั้งที่น้องๆ ทหารใหม่ แสดงออกถึงความกังวล เนื่องจากตนเองจะต้องเข้ามารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ส่วนใหญ่มักเป็นเฉพาะในช่วงแรกๆ เท่านั้น เพราะยังไม่มีข้อมูล เรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ภายในหน่วยทหารสมัยปัจจุบัน
ขอเรียนว่าในรั้วครอบครัวทหารยุคปัจจุบัน ทุกหน่วยจะมีการดูแลให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาในทุกมิติ โดยเฉพาะการให้ความใส่ใจต่อชีวิตความเป็นอยู่ภายนอกรั้วทหาร และให้ความสำคัญกับทหารทุกคนเสมือนเป็นญาติพี่น้องและคนในครอบครัว ในทำนอง “ญาติเขาก็เหมือนญาติเรา”
ที่ผ่านมาความกังวลในลักษณะทำนองนี้ ทางหน่วยจะมีวิธีช่วยบริหารจัดการให้ได้อย่างเหมาะสมที่สุด หรือกรณีที่บางครั้งอาจจะเกิดผลกระทบบ้าง แต่ส่วนใหญ่ทุกหน่วยก็จะพยายามบริหารจัดการให้เกิดหรือมีขึ้นได้ให้น้อยที่สุด เชื่อว่าเมื่อทางหน่วยได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยแล้ว สุดท้ายอาจไม่ถึงกับต้องเสียภารกิจในทางใดทางหนึ่งไป ไม่ว่าจะภาระทางราชการ หรือ ภาระทางครอบครัว ที่จะมีเพื่อนทหาร และผู้บังคับบัญชาไปร่วมกันดูแล หรือบางกรณี ทางหน่วย สามารถพิจารณาเสนอขอใช้ ระเบียบการขอลาดูแลบุพการี ได้ถ้าจำเป็นจริง …”
