ไข้เลือดออก ระบาดหนักในประเทศไทย กรมควบคุมโรคเผยตั้งแต่ 1 ม.ค.–16 พ.ค.61 พบผู้ป่วยแล้ว 10,446 คน เสียชีวิต 15 ราย แนะประชาชนใช้มาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค”
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม –16 พฤษภาคม 2561 พบว่า มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจำนวน 10,446 ราย และเสียชีวิต 15 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 15-24 ปี รองลงมาคือ 10-14 ปี และ 25-34 ปี ตามลำดับ และคาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน และมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศไทย อาจเกิดน้ำขังตามภาชนะต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายได้
ทั้งนี้ในปี 2561 คาดว่าจะมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกประมาณ 74,000–75,000 ราย และคาดว่าจะมีอัตราผู้ป่วยและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มอายุผู้ป่วยจากวัยเด็กเป็นวัยผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัวและเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรงมากขึ้น โดยกลุ่มเสี่ยงสำคัญคือกลุ่มนักเรียนนักศึกษาอายุระหว่าง 15–24 ปี
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคจึงขอแนะนำประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวัง โดยป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด และเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการป้องกันโรค โดยจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้ได้มากที่สุด โดยใช้มาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ (1.) เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง (2.) เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ (3.) เก็บน้ำ ภาชนะใส่น้ำต้องปิดฝาให้มิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ทั้งนี้จะสามารถป้องกันได้ถึง 3 โรค ในคราวเดียวกัน คือ (1.) โรคไข้เลือดออก (2.) โรคติดเชื้อไวรัสซิกา (3.) ไข้ปวดข้อยุงลาย
ข่าวน่าสนใจ:
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ให้เช็ดตัวลดไข้ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้ และหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: