ที่จังหวัดลำพูน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมาเปิดเมืองน่าเที่ยวเส้นทาง “เยือนถิ่นหริภุญชัย”
บ่ายวันนี้ 8 มิถุนายน 2567 ที่วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเข้ากราบสักการะพระธาตุหริภุญชัย 1 ใน 8 จอมเจดีย์ของประเทศไทย พร้อมทั้งเข้ากราบนมัสการพระเทพรัตนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน ก่อนที่จะพบปะกับเครือข่ายกลุ่มทำโคมลำพูน ที่ได้ผลิตโคมส่งให้กับวัดพระธาตุหริภุญชัย เพื่อใช้ในงานเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน โดยกลุ่มคนทำโคมส่วนใหญ่เป็นผู้ว่างงานที่จะต้องเฝ้าผู้ป่วยติดเตียงอยู่กับบ้าน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเยาวชนจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมและจัดทำโคมแยกเป็นสีของแต่ละกลุ่ม ในแต่ละปีของการจัดงานจะมีรายได้เพิ่มจากการผลิตโคมส่งขายมากกว่ารายละ 2 – 3 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม เทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน นับเป็น Soft Power ด้านเฟสติวัลเทศกาลประเพณีและด้านการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล ในปีที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรม ประกาศยกระดับให้เป็นเทศกาลประเพณีของไทย ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติมาร่วมงานกว่า 2 แสนคน สร้างรายได้รวมกว่า 67 ล้านบาท
และเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน ยังเป็น 1 ใน 25 แหล่งท่องเที่ยว Unseen New Chapters ของประเทศไทย ปีนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กันยายน ถึง 15 พฤศจิกายน 2567 โดยในปีนี้ จังหวัดลำพูน ตั้งเป้าสร้างเส้นทางโคมที่ยาวที่สุดในโลก ระยะทาง 2 กิโลเมตร เพื่อให้ถูกบันทึกใน GUNNESS WORLD RECORDS CHALLENGE หัวข้อที่สุดของโลกอีกด้วย
จากนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะฯ เดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย และรับฟังประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย พร้อมกับสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ช่วยกันดำเนินการเพื่อพลิกฟื้นจังหวัดลำพูน
นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินด้วยรถรางทางไปที่ศูนย์การเรียนรู้และอนุรักษ์การทอผ้าไหมลําพูน อ.เมืองลําพูน จ.ลําพูน เยี่ยมชมขั้นตอนเลี้ยงหม่อนไหม การสาธิตการทอผ้าไหมยกดอก การทําผ้ามัดย้อมผ้าฝ้ายสีธรรมชาติ ชิมเมนูอาหารพื้นถิ่น หลากหลายเมนู อาทิ หมูปิ้งถั่วหมักไหมไทย จีข้าวปลูกงา ยำลำไยกระปู๋ และน้ำเมาเบอร์รี่
ต่อจากนั้นเดินทางเยี่ยมชมโรงงานผลิตเซรามิค และผลงานจิตรกรรมบนจานกระเบื้อง เครื่องปั้นดินเผา และ Workshop วาด ปั้น เซรามิค ณ โรงงานเตาชวนหลง อ.เมืองลําพูน จ.ลําพูน ซึ่งโรงงานแห่งนี้ เป็นโรงงานผลิตเซรามิคที่มีอยู่แห่งเดียวในจังหวัดลำพูน เป็นการผลิตแบบทำมือ โดยโรงงานแห่งนี้ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ 80 % ส่งออกต่างประเทศ.
และเดินทางไปพบชาวสวนลำไยเกษตรแปลงใหญ่ ที่บ้านเกาะ หมู่ที่ 7 ต.ริมปิง ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตลําไยคุณภาพ อ.เมืองลําพูน จ.ลําพูน โดยที่ศูนย์แห่งนี้ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตร อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ ซึ่งมีเกษตรเข้าร่วม จำนวน 52 ราย พื้นที่ 250 ไร่ ดำเนินการผลิตตามมาตรฐาน Gap 100 % นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ลำใยเป็นพืชหลักของภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ลำพูน และเชียงใหม่ ที่ผ่านมาได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการปรับกลไกความต้องการขาย และความต้องการซื้อ เพื่อทำราคาให้สูงที่สุด
ทั้งนี้ รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไยในทุกด้านอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว อีกมาตรการที่จะช่วยได้อย่างมาก คือ การเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ ซึ่งได้มอบหมายกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว
โดยภารกิจสุดท้ายที่ จ.ลำพูน นายกรัฐมนตรี รับฟังปัญหาคุณภาพน้ำไม่เหมาะสมต่อการอุปโภคบริโภค ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องน้ำสะอาดเข้าถึงประชาชน ให้มีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน
และลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ รับทราบสภาพปัญหาคุณภาพน้ำไม่เหมาะสมต่อการบริโภค มีหินปูน สนิมเหล็ก ฟลูออไรด์ แมงกานีสจำนวนมาก ทำให้ระบบกรองน้ำและท่อส่งน้ำอุดตันในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง ดังนั้น จึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ประมาณ 90 ล้านบาท โดยวางท่อกระจายน้ำระยะทาง 15 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ 15 หมู่บ้าน โดยเมื่อโครงการแล้วเสร็จประชาชนจะได้รับประโยชน์ 15 หมู่บ้าน 3,547 ครัวเรือน
