พล.ต.ต. อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ ลงตรวจพื้นที่ ม.1 ต.ขอนคลาน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล โดยสั่งการให้ พันตำรวจเอก ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สตูล พร้อมด้วยร.ต.ท.ปุรเศษฐ์ ทองเรือง รองสวป.สภ.ทุ่งหว้า ซึ่งเป็นชุดตั้งจุดตรวจในวันเกิดเหตุที่มีการถ่ายคลิปก่อนที่จะนำมาเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก
พันตำรวจเอก ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สตูล กล่าวว่า การตั้งด่านนั้น จะมี 3 ประเภท คือ 1.ด่านตรวจ ในพื้นที่ จ.สตูล จะมี 2 ที่ คือ ด่านชายแดนทุ่งหว้า และด่าน ชายแดน ทุ่งนุ้ย 2.จุดตรวจ 3.จุดสกัด ซึ่ง จุดสกัดนั้น จะตั้งเป็นใยแมงมุงที่จะตั้งในพื้นที่ ล่อแหลม ทางเปลี่ยว และการตั้งด่านประเภทนี้ จะตั้งไม่นาน ก็จะย้ายไปยังพื้นที่ใกล้เคียงอีก เพื่อเป็นการป้องปรามการก่อคดี หรือ การค้ายาเสพติด รวมถึงการป้องกันเหตุให้แก่พี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมา เป็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มุ่งเน้นความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมาซึ่งเส้นทางที่ตั้งจุดสกัดนั้นเป็นเส้นทางเปลี่ยวเป็นเส้นทางสายชนบทผู้ที่ตั้งจุดสกัดนั้นเป็นแผนของ ภูธร จ.สตูล ที่ มีคำสั่งให้ตั้งจุดสกัดไม่ใช้เป็นด่านตรวจเป็นการตั้งจุดสกัดการตั้งนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ 3 นาย มีรถของทางราชการ และการตั้งกรวย 2 อันนั้น เพราะต้องการที่จะให้ สกัดรถ ที่ผ่านเข้าออก ส่วนการตรวจปัสสาวะนั้นเป็นการคัดกรองบุคคลว่าบุคคลที่ผ่านเส้นทางเส้นนี้ ถ้าเป็นบุคคลที่น่าสงสัยก็จะทำการคัดกรองโดยการตรวจปัสสาวะ ซึ่งผลการตรวจเบื้องต้นว่าเสพสารเสพติดมาหรือไม่นั้น จะดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนที่จะส่งต่อไปยัง โรงพยาบาลตรวจสอบต่อไป
ในเรื่องของการคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กนั้นถือว่าเป็นความคิดเห็นของแต่ละบุคคล และให้ พิจารณาก่อนที่จะเม้นหรือตอบโต้ลงในเฟซบุ๊กก่อนเพราะคนที่ตอบโต้ อาจจะไม่ทราบข้อมูลของคนโพสต์ที่ชัดเจน ซึ่งสุดท้าย อาจจะถูกคดี โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ร.ต.ท.ปุรเศษฐ์ ทองเรือง รองสวป.สภ.ทุ่งหว้า ซึ่งเป็นชุดตั้งจุดตรวจในวันเกิดเหตุ กล่าวว่า เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 4 ม.ค. 63 ชุดตรวจได้ไปตั้งจุดสกัดในพื้นที่ ม.1 ต.ขอนคลาน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ซึ่งได้ทำการตรวจค้นรถตามปกติพอถึงรถคันของนาย เอ นามสมมุติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจป้ายทะเบียนรถปกติดีและทำการตรวจฉี่ ก็ไม่พบ สารเสพติด จึงปล่อยตัวไป แต่เนื่องจาก ว่า นายเอไม่พอใจ ตำรวจ จึงได้ถ่ายคลิป แล้วนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก จึงทำให้แพร่ภาพไปทั่ว จึงได้ ตรวจสอบรายชื่อโดยใช้เลข 13 หลัก ทำให้ทราบมาว่า นายเอ นั้น เคยถูกคดีมาแล้ว ถึง 3 ครั้งจึงทำให้ไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำภาพไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก เพื่อให้ คนอื่นๆ ร่วมกัน เข้าไปแสดงความคิดเห็น ทำให้คนที่เข้าไปดูบางคนก็ใส่ข้อความเพิ่มลงไป บางคนก็ช่วยกันแชร์ออกไป จนเป็นข่าวโด่งดัง ในวันนี้
