ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปืนใหญ่โบราณสมัยโลกสงครามครั้งที่ 2 ที่วางอยู่บริเวณหน้าเสาธงหน้าสถานีตำรวจภูธรทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล หายไป จนมีผู้หวังดีมีการโพสแชร์ในกระแสสังคมออนไลน์ จนโด่งดังในโลกโซเชียล เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมของโบราณที่อยู่คู่ชาวงอำเภอทุ่งหว้ามานานหลายปี และอยู่ที่เสาธงชาติ หน้าสถานีตำรวจภูธรทุ่งหว้า และมีบ้านพักนายตำรวจอยู่รายล้อมกลับหายไปได้อย่างไร วอนช่วยกันตามหาเอานำกลับมาคืนชาวทุ่งหว้าด้วย
นายพีระเดช สิทธิโกศล กรรมการอาวุโสกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนตำบลทุ่งหว้า พร้อม นายสุทรรศน์ จุนณศักดิ์สรี ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทุ่งหว้า ได้นำรายชื่อชาวบ้านในพื้นที่อำเภอทุ่งหว้านับเกือบ 500 คนที่ลงล่ารายชื่อร้อง สื่อ ร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอทุ่งหว้า ร้องผ่านอำเภอทุ่งหว้า และทางจังหวัดสตูล วอนช่วยกันตามหาปืนใหญ่โบราณ 2 กระบอกซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นปืนโบราณอายุเป็น 100 ปีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ดีก็หายไปขอให้บุคคลที่นำเอาไปให้นำกลับมาไว้ที่เดิม เพราะปืนทั้งสองกระบอกนี้เป็นปืนโบราณที่บุคคลเพียงคนเดียวไม่สามารถที่จะยกขึ้นมาได้ ต้องใช้หลายคนยกขึ้น และขอให้นำกลับมาไว้ที่เดิมด้วย ปืนใหญ่โบราณอยู่คู่พื้นที่อำเภอทุ่งหว้ามานานหลายปีตั้งแต่โรงพักหลังเก่าหลายปี และจนสร้างโรงพักขึ้นมาใหม่อีกครั้งเป็นสถานีโรงพักไม้สีเขียว จนกระทั้งทำการรื้อโรงพักไม้สีเขียวอีกครั้ง เพราะทางโรงพักได้สถานีตำรวจแบบใหม่แต่ไม่ใช้จุดเดิมที่ใช้ทำงานอยู่ จึงได้ทำการรื้อถอนแต่ผ่านมาไม่กี่วัน พบว่าปืนใหญ่โบราณที่อยู่เคียงคู่โรงพักมานานหลายรุ่นตำรวจ อยู่ดีๆก็หายไปทั้ง 2 กระบอกเมื่อสอบถามใครก็ไม่มีใครรู้ใครเห็น เกรงว่าปืนใหญ่อาจจะถูกลักขโมยไปหรือใครนำไปเก็บไว้ที่ไหนจึงอยากแจ้งให้ชาวบ้านทราบด้วย
นายสุทรรศน์ จุนณศักดิ์ศรี ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทุ่งหว้า กล่าวว่า ปืนใหญ่โบราณ 2 กระบอกใหญ่ซึ่งมีคุณค่าทางใจแก่ชาวอำเภอทุ่งหว้าอย่างมาก เพราะเป็นของโบราณที่ชาวบ้านยังคงต้องการอนุรักษ์ของเก่าไว้ ในเมื่ออยู่ๆปืนใหญ่หายไปจากแท่นที่ตั้งปืนใหญ่ และไม่มีใครบอกได้ว่าไปไหน ชาวบ้านก็เกรงว่าจะหายไปหรืออาจถูกขโมยลักไปขายเป็นเศษวัสดุของเก่าจึงช่วยกันตามหาและได้สอบถามไปยังสถานีตำรวจบางคนตอบไม่ได้ บอกคนเอ่ยว่าผู้ใหญ่นำไปเก็บไว้ และตนเองในฐานะผู้ใหญ่ในพื้นที่วอนขอให้ผู้ที่เอาไปนำมาคืนหรือตั้งไว้ในพื้นที่ทุ่งหว้าเหมือนเดิมด้วย
ล่าสุดทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรทุ่งหว้า เพื่อไปพบกับ พ.ต.อ. สมศักดิ์ สังข์น้อย ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทุ่งหว้า ได้กล่าวกับทางผู้สื่อข่าวว่า พบมีข่าวลือว่าปืนใหญ่หายไปนั้น ทางตนเองขอชี้แจงว่าปืนใหญ่ไม่ได้หายไปไหน ยังคงเก็บรักษาไว้อย่างดีอยู่ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล เพราะเป็นของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของหลวงจึงได้ทำการเก็บไว้ แต่อยู่ๆมีข่าวลือตามกระแสโลกโซเชี่ยวว่า ปืนใหญ่ในพื้นที่อำเภอทุ่งหว้าหายไปตนเองขอยืนยันว่ายังอยู่ในพื้นที่ของตำรวจและรอว่าจะนำมาตั้งไว้จุดใดส่วนชาวบ้านต้องการเอาปืนใหญ่กลับมาตั้งไว้ในพื้นที่อำเภอทุ่งหว้า ก็ควรทำเรื่องหรือเข้าไปพบพูดคุยกับทางผู้ใหญ่ในการขอปืนใหญ่โบราณกลับมาตั้งไว้ที่เดิม
สำหรับปืนใหญ่โบราณเป็นปืนที่ใช้ในการรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวน 2 กระบอกที่มีขนาดกลางและยาวหากยกแบกหามต้องใช้คนถึง 6 คน และปืนใหญ่โบราณนี้ตั้งอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งหว้า(หลังเก่า )มานานหลายปี จนมีคุณค่าทางใจแก่ประชาชนชาวบ้านในระแวกและอำเภอทุ่งหว้า เพราะถือว่าอำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูลถือได้ว่าเป็นเมืองเก่าเช่นกันทั้งตัวอาคารบ้านเรือน จึงไม่แปลกที่ประชาชนต่างผูกพันกับของเก่าโบราณที่มีประวัติมาช้านาน
