วันนี้ (26 ต.ค.61) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่เป็นประธานการแจกคืนโฉนด ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นปฏิบัติการแจกคืนโฉนดให้กับประชาชนเป็นครั้งที่ 4 และจังหวัดใกล้เคียง รวม 1700 ฉบับ พื้นที่กว่า 6,000 ไร่ มูลค่าที่ดิน 2,800 ล้านบาท ที่ลานอเนกประสงค์โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ทางสังคมและแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบ ที่กลุ่มลูกหนี้ ได้เข้าร้องเรียนกับศูนย์ป้องกันและปราบปรามหนี้นอกระบบตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ
โดยในวันนี้เป็นการแจกคืนโฉนด ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้และตัวแทน ไกล่เกลี่ยจากผู้ทรงคุณวุฒิในจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งทั้ง 2 คู่กรณีได้ตกลงและทำสัญญาฉบับใหม่ขึ้นมาและคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งบางรายก็คิดในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ส่วนโฉนดที่มีการขายทอด ไปเป็นลำดับลำดับ เจ้าหนี้คนสุดท้าย ต้องส่งคืนให้กับลูกหนี้เนื่องจากตรวจสอบพบว่าสัญญาที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาที่ถูกเอารัดเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมกับลูกหนี้ โดยพฤติกรรมของกลุ่มเจ้าหนี้มีการกระทำผิดกฎหมาย ในการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด การปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ และความผิดอื่นซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
ที่ผ่านมามีการมอบคืนโฉนดให้ไปแล้ว 3 ครั้ง คือ จังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และจังหวัดกาฬสินธุ์ รวมทั้งสิ้น 7 ราย 5,500 ฉบับ พื้นที่รวมกว่า 18,000 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 7,300 ล้านบาท ซึ่งจากนี้ไปรัฐบาลได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาโดยรัฐบาลได้อนุมัติให้เจ้าหน้าประกอบกิจการสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด ภายใต้การกำกับ หรือ สินเชื่อพิโก้ไฟแนนซ์ โดยสนับสนุนให้นายทุนเงินกู้ เข้ามาในระบบ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย
การบูรณาการร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 และยึดทรัพย์สินจากกลุ่มนายทุนได้เป็นจำนวนมาก เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหลายหน่วยงาน โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การจะคืนโฉนดให้กับชาวบ้านในวันนี้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและแก้ไขปัญหาของลูกหนี้ที่ถูกรัดเอาเปรียบจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม แต่สัญญาที่เกิดขึ้นฉบับใหม่ลูกหนี้ยังคงต้องชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้เหมือนเดิม ซึ่งก็อยู่ภายใต้กฎหมายการผ่อนชำระหนี้ ที่คิดอัตราดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดนั่นเอง
