X

เทศบาลห้วยใหญ่ปิดหมาย ค.3,4,9 “สวนไทยพัทยา” หลังพบก่อสร้างอาคารทุ่มทุนทำที่ท่องเที่ยวร้อยล้านทับที่ สปก.บนพื้นที่กว่า 80 ไร่

เทศบาลห้วยใหญ่ปิดหมาย ค.3,4,9 “สวนไทยพัทยา” หลังพบก่อสร้างอาคารทุ่มทุนทำที่ท่องเที่ยวร้อยล้านทับที่ สปก.บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ ขณะที่เจ้าของกิจการเป็นข้าราชการระดับสูงยันที่ดินเป็น สค.1 แต่อยู่ในเขตพื้นที่ปฏิรูป พยายามทำตามขั้นตอนของกฎหมายแต่ติดขัดปัญหาความไม่ชัดเจนวอนขอความเป็นธรรม แต่ยอมรับดำเนินการก่อนได้รับการอนุญาต

วันนี้ (10 เม.ย.) นายไพรัตน์ ไตรศุภโชค นายกเทศมนตรีเทศบาลห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เดินทางเข้าพบ นายนริศ นิรามัยวงศ์ นายอำเภอบางละมุง เพื่อเสนอรายงานปัญหาการก่อสร้างอาคารและทำการก่อสร้างอาคารสถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่แห่งใหม่ในนาม “สวนไทยพัทยา” เลขที่ 313/1 ม.6 ตั้งอยู่บริเวณถนนสาย 331 (ถนนสายยุทธศาสตร์สัตหีบ-นครราชสีมา-) ขาเข้าสัตหีบ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยระบุว่าเป็นการดำเนินการบนที่ สปก.หรือพื้นที่ปฏิรูปเพื่อการเกษตรกรรม ขณะที่อาคารจำนวนมากก็มีการดำเนินการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น

นายไพรัตน์ เปิดเผยว่าหลังจากได้ทราบข่าวปัญหาของแห่งท่องเที่ยวใหม่ดังกล่าว ทางเทศบาลก็ได้เดินทางไปสำรวจจนพบการกระทำความผิด โดยเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 1 อาทิตย์ แต่ที่ดินแปลงนี้เบื้องต้นพบว่าเป็นการดำเนินการบนที่ดิน สปก. กว่า 150 ไร่เพื่อสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ทั้งนี้ได้เอาคำสั่งไปปิดยังสถานที่ดังกล่าวแล้วตามกฏหมาย พรบ.ควบคุมอาคาร ทั้งในส่วนของคำสั่ง ค.3 ที่ให้ระงับการก่อสร้าง ค.4 คำสั่งให้ระงับการใช้อาคาร และ ค.9 ที่ให้เวลา 45 วันในการมาขออนุญาตให้ถูกต้อง เนื่องจากในเบื้องต้นเป็นการก่อสร้างไม่ได้รับอนุญาตอะไรเลย ส่วนการดำเนินการขั้นตอนต่อไปคงจะต้องศึกษาข้อกฎหมาย พร้อมทั้งหารือเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่ายว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งทางเทศบาลได้แจ้งรายงานให้ทางอำเภอบางละมุงรับทราบแล้ว

อย่างไรก็ตามต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวเพื่อรับฟังคำชี้แจงจากผู้บริหารโครงการสวนไทย พัทยา จ.ชลบุรี โดยมี นายชัยพร (ขอสงวนนาม) ในฐานะเจ้าของกิจการ ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงได้เปิดห้องชี้แจงกรณีดังกล่าวว่าสำหรับที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินที่บิดาซื้อต่อจากเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกันตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์แบบที่ สค.1 ขนาด 150 ไร่ แปลงที่ 560 และ 585 ที่เพื่อนของบบิดาถือกรรมสิทธิ์มาตั้ง แต่ปี 2485 จากนั้นจึงได้นำที่ดินแปลงนี้มาทำอาชีพเกษตรกรรม ด้วยการปลูกมันสำปะหลัง มะพร้าว มังคุด และทุเรียน ซึ่งก็มีการเสียภาษีมาตั้งแต่ปี 2509 กระทั่งต่อมาได้มีประกาศเขตป่าไม้คุ้มครองขึ้นในปี 2495 จนทำให้ที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขต สปก.ไปด้วย แต่ทางบ้านก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรเพียงแต่พี่สาวจากพี่น้องจำนวน 5 คนได้ไปติดต่อขอเอกสาร สปก.มาถือครองด้วยความไม่รู้ จึงทำให้ที่ดินแปลงนี้มีลักษณะเป็นสิทธิ์ครอบครองแบบทับซ้อนคือเป็นทั้ง สค.1 และ สปก. จากนั้นต่อมาเอกสาร สค.1 ได้สูญหายไป ทางนายอรรคเดช พี่ชายจึงไปแจ้งความไว้บันทึกที่ สภ.บางละมุง และสำนักงานที่ดินตั้งแต่ปี 2533และมีการลงบันทึกกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้อง

นายชัยพร กล่าวต่อไปว่าจากนั้นทางครอบครัวซึ่งมีพี่น้อง 5 คนก็มีแผนจะปรับเปลี่ยนรูปแบบอาชีพเป็นลักษณะท่องเที่ยวเชิงเกษตรโดยใช้ที่ดินมาดำเนินการประมาณ 80 ไร่ จึงนำที่ดินบางส่วนไปขายและนำเงินมาลงทุนในลักษณะ “กงสี” ซึ่งยืนยันว่าไม่มีนอร์มินีหรือนายทุนชาวจีนมาสนับสนุนอย่างที่หลายคนเข้าใจในปี 2559 จึงได้ทำเรื่องขออนุญาตดำเนินการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะตามกฎหมายระบุว่าที่ดิน สค.1 สามารถนำไปยื่นเรื่องออกโฉนดได้ แต่ปรากฏว่าทางเทศบาลปฏิเสธโดยแจ้งว่าที่ดินอยู่ในเขต สปก.และให้ไปติดต่อในสำนักงาน สปก.แทน ขณะที่ไปที่สำนักงานก็ได้รับแจ้งกลับมาว่าที่ดินเป็น สค.1 สามารถดำเนินการขออนุญาตได้ ซึ่งทุกอย่างได้ยื่นไปหมดแล้วแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา กระทั่งเป็นกระแสข่าวว่ามีการทำสถานที่ท่องเที่ยวบุกรุกพื้นที่ สปก.ดังกล่าว ทั้งนี้ในฐานะเจ้าของกิจการและเป็นข้าราชการด้วยก็รู้สึกหนักใจ เพราะไม่ได้อยากทำผิดกฎหมายและก็พยายามทำการตามขั้นตอนทุกอย่างเพียงแต่ติดปัญหาหลายด้าน โดย เฉพาะเรื่องของอาคารที่มีการปิดหมายจากท้องถิ่น ซึ่งหากให้ไปยื่นเอกสารก็พร้อมปฏิบัติทันที ทั้งนี้ “สวนไทยพัทยา” เพิ่งเปิดกิจการมาได้ประมาณ 10 วันเท่านั้น จึงอยากขอความเป็นธรรมจากสังคมด้วย เพราะเจตนาก็แค่ต้องการทำที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรและไม่มีเจตนาที่จะกระทำผิดแต่อย่างใด….

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of เดธาวี ธีวรางกูล

เดธาวี ธีวรางกูล

ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี เมืองพัทยา จ.ชลบุรี บก. นสพ.ข่าวเด็ด เมืองพัทยา จ.ชลบุรี