พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกับตำรวจไต้หวันบุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายซือโถ่ว กลางเมืองไถ่หนัน จับผู้ต้องหาแกนนำสำคัญได้ 10 ราย
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 25 พฤษภาคม 2561 ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ศป.ฉปทน.ตร.) ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ แก๊งซือโถว ได้ผู้ต้องหาชาวไต้หวันที่เป็นระดับแกนนำสำคัญของเครือข่าย 10 ราย หลังเดินทางกลับจากไต้หวันเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 11.00 น.ของวันนี้ที่ 25 พฤษภาคม 2561 ตามเวลาท้องถิ่นไต้หวัน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนอาชญากรรมไต้หวัน นาย ไช่ ชาง ปอ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนอาชญากรรมไต้หวัน นายหลู ซุน ฉาง รองบัญชาการ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท., พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่จากศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ศป.ฉปทน.ตร.) ได้ร่วมกันจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ซือโถว พร้อมของกลาง 1,700,000 ดอลล่าห์ไต้หวัน โทรศัพท์มือถือ 14 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม 10 ใบ สมุดบัญชีรายชื่อเครือข่าย 7 เล่ม ซีพียูคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่เมืองไถหนัน ซึ่งอยู่ตอนใต้ของไต้หวัน ห่างจากกรุงไทเป 317 กิโลเมตร โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นระดับแกนนำสำคัญของเครือข่าย จำนวน 10 คน ประกอบด้วย 1.นายหวู เหวิน เฟิง 2.นายหวาง จ้วน ฟู 3.นายหลิน ยู่ เฉิง 4.นายป๋าย หง ถิง 5.นายหลิว เหวย เฉิน 6.นายจาน จื้อ เฮ่า 7.นายสู อี เฉิง 8.นายหวาง ข่าย ฉุน 9.น.ส.สู่ จิ้ง และ10.นายเฉิน อัน เฝ่ย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ศูนย์ปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้รับแจ้งว่ามีข้าราชการวัยเกษียณมากกว่า 10 คน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถูกหลอกให้โอนเงินนับล้านบาท ซึ่งเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าปลายทางมีการกดเงินจากไต้หวัน ที่ออกตระเวนกดเงินจากต่างประเทศ แทนการกดเงินในประเทศไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม จึงได้ประสานงานกับทางการไต้หวันเพื่อระดมกวาดล้างครั้งใหญ่ ซึ่งเพียงสัปดาห์เดียวสามารถจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ซือโถ่ว ได้ในอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นในเมืองไถหนานซึ่งอยู่ตอนใต้ของไต้หวัน และจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดจำนวน 21 คน
โดยศูนย์ปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้ประสานข้อมูลหมายจับของไทย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาชาวไต้หวันทั้ง 29 ราย ให้กับทางการไต้หวัน ให้ช่วยดำเนินการติดตามจับกุม นอกจากนี้ตำรวจท่องเที่ยวยังได้แสวงหาความร่วมมือในด้านอาชญากรรมรูปแบบอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งกรณีผู้ก่อเหตุเป็นทั้งชาวไทยและชาวไต้หวัน อย่างไรก็ตาม ปฎิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อภัยความมั่นคงและทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งต้องแสวงหาความร่วมมือร่วมกันในการปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ และจากการประสานความร่วมมือในการข่าวระหว่างตำรวจไทยและตำรวจไต้หวัน ทำให้ตำรวจไต้หวันได้เบาะแสสำคัญที่นำไปสู่การแกะรอยทางเทคโนโลยี ซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 เดือน ซึ่งข้อมูลที่ได้มาตรงกับของตำรวจไทย จึงวางแผนเข้าจับกุม นอกจากนี้ยังพบความเคลื่อนไหวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขยายผล พร้อมทั้งออกหมายจับผู้ต้องหาที่หลบหนีออกไปจากไต้หวันได้อีกสองราย อย่างไรก็ตามการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยครั้งนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในส่วนคนไทยทั้ง 18 รายที่ถูกจับกุมเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในไต้หวัน ซึ่งหากรับโทษตามกฎหมายเสร็จสิ้นก็จะทำการส่งตัวคนไทยทั้ง 18 ราย กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศไทยทันที
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: