พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง บุกตรวจโรงงานลอบนำเข้าขยะอีเล็คทรอนิกส์จากต่างประเทศ ย่านบางพลี
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 มิถุนายน 2561 พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. นายสุรพล ชามาตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม พล.ต.ต.ธรนมนูญ ไตรทิพยพงษ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางพลี นายธวัชชัย นามสมุทร นายอำเภอบางพลี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง พร้อมเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจสอบ ภายในบริษัท แอ๊บโซลูท เพาเวอร์เวิลด์ จำกัด เลขที่ 88 หมู่ที่ 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบริษัท ที่เป็นเจ้าของตู้คอนเทรนเนอร์ ที่ภายในบรรจุขยะอิเล็คทรอนิกส์ ซึ่งถูกศุลกากรแหลมฉบังจังหวัดชลบุรี ตรวจยึดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ผลการตรวจพบว่าโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตใยเส้นพลาสติกซึ่งใช้วัตถุดิบเป็นพลาสติกชนิด PET เท่านั้น ซึ่งไม่มีวัตถุอื่นเข้ามาเจือปน และไม่พบ วัตถุที่ขยะอิเล็คทรอนิกส์ ที่มีการสั่งนำเข้ามาแต่อย่างใด แต่จากการตรวจสอบเครื่องจักรภายในโรงงานกลับพบว่ามีการสร้างเตาเผาเศษพลาสติก ที่ไม่ได้ใช้และมีปะปนมากับวัสดุดิบที่ใช้ในการผลิต ซึ่งเป็นเตาเผาที่ไม่ได้มาตรฐานไม่มีระบบดักกรองสารพิษที่ปล่อยออกสู่อากาศภายนอกซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงมีความผิดตาม พรบ.อุตสาหกรรม และจากการตรวจสอบเอกสารของบริษัทดังกล่าวยังพบว่ามีการสั่งซื้อสั่งจ่ายเงินจำนวนมากซึ่งเป็นระบุชื่อบริษัทเดียวกันแต่ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบริษัทในเครือของบริษัทแห่งนี้โดยใช้ชื่อบริษัทเดียวกันแต่อยู่ตนละจังหวัดในการสั่งซื้อขยะอิเล็คทรอนิกส์ มาจากต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบชองเจ้าหน้าที่ และยังเอกสารการทำภาษีซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงได้ทำการตรวจยึดเอาไว้เพื่อทำการให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัดสมุทรปราการทำการตรวจสอบ ส่วนในเรื่องเตาเผาเศษวัสดุสารอันตรายที่พบ ทางเจ้าพนักงานของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ได้มีคำสั่งให้หยุดดำเนินการและทำการแก้ไขปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และดำเนินคดีตามมาตรา 8 พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ.2535 ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบแล้วทราบว่าโรงงานแห่งผลิตเส้นใยสังเคราะห์โดยใช้วัตถุดิบเป็นพลาสติกประเภท P E T อย่างเดียวและมีกำลังลังการผลิตประมาณ 24,000 ตันต่อปี จึงเชื่อว่าจะใช้ช่องทางโควต้าการผลิตของโรงงานแห่งนี้ นำเข้าพลาสติกจากต่างประเทศมาลักลอบนำเข้าขยะอิเลคทรอนิกส์แทน ตามเอกสารที่พบในสำนักงานแห่งนี้ ซึ่งมีโรงงานอีกแห่งหนึ่งใช้ชื่อเดียวกันอยู่ที่ จ.ชลบุรี มีผู้บริหารคนเดียวกัน ซึ่งคาดว่าทั้งสองบริษัทนี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน ทั้งนี้อยู่ระหว่างเรียกผู้บริหารคนดังกล่าวเข้ามาชี้แจง และทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ซึ่งในเรื่องนี้เป็นการตรวจพบการกระทำผิดอยู่ในพื้นที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าตำรวจในพื้นที่ สภ.แหลมฉบัง เป็นผู้ดำเนินการ
