บิ๊กโจ๊ก บินลัดฟ้าบุกรวบหนุ่มเขมรทำเว็บไซต์ปลอม โพสต์ ปั่นข่าวดิสเครดิตรัฐบาล แล้วเดินทางกลับมาแถลงข่าวพร้อมหนุ่มเขมร ผู้ต้องหา ก่อนส่งมอบผู้ต้องหาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ที่ห้องประชุมชั่วคราว สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2. พร้อมด้วย นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันคุมตัวนายรัตนะ เฮง สัญชาติกัมพูชา ผู้ต้องหมายจับศาลอาญาที่ 1154 / 2561 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ในความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน เดินทางจากประเทศกัมพูชามายังประเทศไทย พร้อมเปิดแถลงผลการจับกุม
ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมคณะได้เดินทางไปที่กองบัญชาการรักษาความสงบภายในกัมพูชา เข้าพบ พล.อ.เซาเซาะคา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือน ประเทศกัมพูชา เพื่อหารือแนวทางการสืบสวนในการประสานความร่วมมือในการติดตามจับกุมตัว นายรัตนะ เฮง สัญชาติกัมพูชา ผู้ต้องหมายจับศาลอาญาที่ 1154/2561 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ในความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน หลังสืบจากหนังสือเดินทางเลขที่ N1745558 ทราบว่านายรัตนะ เป็นผู้ทำเว็บไซต์ข่าวปลอมชื่อ Ratstas.com พาดหัวข่าวว่า บิ๊กตู่ ฟิวขาด ด่ากราด ไล่ให้เติม น้ำเปล่า แทนดีเซล อย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโจมตีรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา โดยใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานที่มั่นกบดาน และสามารถจับกุมตัวนายรัตนะ เฮง ได้ที่ห้างซาเตียนเมียนเจย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ขณะเดินซื้อสินค้าภายในห้างดังกล่าว
จึงคุมตัวนายรัตนะ มาทำการสอบสวน ซึ่งนายรัตนะ ให้การแบ่งรับแบ่งสู้ โดยอ้างว่าเว็บไซต์ดังกล่าวจดในนามของตนจริง ซึ่งการเปิดสมัครเว็บไซต์ที่ประเทศกัมพูชาจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวบุคคลด้วยเลขหน้าบัตรเครดิต แต่เพื่อนที่ชื่อหลุยส์ เป็นผู้ขอให้เปิดเว็บไซต์ดังกล่าวให้ อีกทั้งยังอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ และกล่าวขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่สร้างความเสียหายให้กับทางรัฐบาล จากการตรวจสอบประวัติการเงินพบว่ามีรายได้เข้าบัญชีของนายรัตนะ ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการที่มีคนกดไลท์ กดแชร์ติดตามข่าวสาร รวมทั้งพบบทสนทนาระหว่างนายหลุยส์กับนายรัตนะ พูดคุยกัน โดยที่นายหลุยส์ ขอให้นายรัตนะ ทำการปิดเว็บไซต์หลังถูกทางการไทยติดตาม
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหาย ความสับสนในข้อมูลข่าวสารในประเทศ และกระทบต่อเสถียรภาพของทางรัฐบาล และมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท.ให้ตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว และทราบว่าจดทะเบียนโดยนายรัตนะ เฮง ชาวกัมพูชา และมีการสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยรอบปีนี้มีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จถึง 3 ครั้ง มีการบิดเบือนข้อมูลการสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี 1 ครั้ง บิดเบือนด้านนโยบายรัฐบาล 1 ครั้ง และโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดนครราชสีมาอีก 1 ครั้ง โดยข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปทางโซเชียล ถูกส่งต่อออกไปเป็นจำนวนมาก การบิดเบือนข้อมูลของนายรัตนะ กระทบต่อความมั่นคงและความเชื่อมั่นของรัฐบาลรวมถึงตัวของนายกรัฐมนตรี และส่งผลถึงปัญหาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จึงต้องเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีอาญาให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ยังมีรายงานการตรวจสอบประวัตินายรัตนะมีอาชีพเป็นนักธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอาง อัญมณี และจำหน่ายเงินสกุลอิเล็กทรอนิกส์หรือบิทคอยน์ จบการศึกษาด้านไอที ทำให้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และมีความชื่นชอบติดตามข้อมูลข่าวสารจากประเทศไทย เพื่อหาข้อมูลมาสร้างข่าวบิดเบือน แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มหกคนไทยที่ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมตัวมาเมื่อวานนี้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 14 และ 17 ของพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับเป็นเงิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อหาตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองในประเทศไทย ก่อนคุมตัวไปสอบสวนขยายผลว่ามีผู้ใดอยู่เบื้องหลังในการจ้างวานเพื่อบิดเบือนข่าวสารหรือไม่ เพื่อดำเนินคดี ก่อนนำตัวฝากขังที่ศาลอาญาในวันพรุ่งนี้ต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: