จากกรณีรถชนเสาไฟฟ้าล้มหลายต้นย่านบางปู ล่าสุดเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเร่งระดมกำลัง กู้ซากเสาและสายไฟฟ้าคาดใช้งานได้หลังเที่ยงคืนนี้
จากกรณีเมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ได้มีรถยนต์กระบะเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าริมถนนสุขุมวิท ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวยังคงเกาะติดสถานการณ์ การทำงานของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงสมุทรปราการ ซึ่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจากพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 100 นาย พร้อมเครื่องจักรกลหนัก เข้าลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเพื่อเร่งเคลียร์เสาและสายไฟฟ้ารวมทั้งสายเคเบิ้ลต่าง ๆ ออกจากพื้นผิวการจราจร โดยเฉพาะทางเข้าออกแยกย่อยซอยต่าง ๆ ที่ถูกสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลพาดผ่านขว้างทางเข้าออก โดยเจ้าหน้าที่ต้องเร่งตัดสายไฟเพื่อเปิดทางเข้าออกซอย เพื่อเป็นการลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ขณะที่ผลกระทบจากที่กระแสไฟฟ้าและเครือข่ายอินเตอร์เน็ตดับ ชาวบ้านได้รับผลกระทบขยายเป็นวงกว้าง ทำให้ประชาชนบ้างส่วนไม่มีกระแสไฟฟ้าหุงหาอาหารบวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้ชาวบ้านต่างพากันออกมานั่งตากลมอยู่ที่ด้านนอกกันจำนวนมาก โดยได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าที่เข้ามาทำการแก้ไข ได้กล่าวว่าน่าสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับประชาชนได้เร็วสุดประมาณเที่ยงคืนนี้ของวันนี้ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งน่าจะต่ำกว่า 20 ล้านบาท โดยมีเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นทั้งหมด 12 ต้น มีรถยนต์เสียหาย 8 คัน มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 7 ราย รวมทั้งทรัพย์สินของหน่วยงานอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่อยู่ระหว่างการประเมินค่าเสียหาย
ด้าน พ.ต.อ. พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู สมุทรปราการ ได้กล่าวว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุประกอบกับพยานที่เห็นเหตุการณ์ในจุดเกิดเหตุ ก็ยืนยันว่ามีรถยนต์กระบะแคปมีผู้โดยสารรวมคนขับ 4 คน ขับมาและก็แหกโค้งเข้าชนเสาไฟฟ้า ทำให้เสาไฟฟ้าหักลงมาในถนน เสาไฟที่ล้มลงมาก็ดึงสายไฟฟ้าทำให้เสาล้มลงมาตรวจสอบได้ทั้งหมด 12 ต้นล้มลงมาทับรถยนต์ที่วิ่งมาบนถนนได้รับความเสียหายจำนวน 8 คัน มีผู้บาดเจ็บรวม 6-7 คน ตามที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าอยู่ระหว่างเร่งลัดดำเนินการเคลียพื้นที่ทั้งเสาและสายไฟออกจากพื้นที่ถนนเท่าที่ประสานงานกันได้แจ้งว่าน่าจะใช้เวลาในการแก้ไขอีกหลายชั่วโมง แต่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ขณะนี้ทางตำรวจเองก็ได้เปิดช่องสวนทางในช่องทางเดินรถฝั่งตรงข้ามเพื่อเป็นการระบายรถให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด และมีการแจ้งประชาสัมพันธ์ไปตามช่องทางต่าง ๆ ทั้งในโซเชียนหรือวิทยุคลื่นต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้เส้นทางหลีกเลี่ยงเส้นทางเส้นนี้
