ชุดพยัคฆ์ไพรบุกยึดไม้พยูง กว่า 400 ท่อน ปริมาตรประมาณ 60 ลูกบาศเมตร มูลค่ากว่า 36 ล้านบาท ที่ซุกซ่อนอยู่ในโกดังกลางเมืองปากน้ำ และสามารถควบคุมคนงาน 3 คน และผู้ซื้อไม้ดังกล่าวซึ่งเป็นชาวไต้หวันอีก 1 คน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 สิงหาคม 2561 นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้เข้าร่วมตรวจสอบภายในโกดังเลขที่ 545 หมู่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยรุ่งโรจน์ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังจากเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ ชุดพยัคฆ์ไพร นำโดย นายชีวภาพ ชีวะธรรณ หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร พันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการภาค 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน บูรณาการร่วมกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจค้นภายในโกดังดังกล่าวและพบว่ามีไม้พยูง ไม้ชิงชัน และไม้ประดู่ ที่ลักลอบตัดมาทางภาคเหนือและภาคอีสาน ซุกซ่อนอยู่ภายในโกดังดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ที่ไม่บางส่วนมีการบรรจุเข้าตู้คอนเทรนเนอร์ เตรียมส่งออกไปยังประเทศจีน และสามารถจับกุมคนงานได้จำนวน 3 คนซึ่งเป็นชาวพม่า และกระเหรี่ยง ที่กำลังลำเลียงไม้พยูง ไม้ชิงชัน และไม้ประดู่ บรรจุเข้าตู้คอนเทรนเนอร์ และสามารถจับกุมนายทุนชาวไต้หวันชื่อนาย เจ๊ก หม่า ที่เดินทางมารับซื้อไม้ดังกล่าวได้อีกจำนวน 1 คน ซึ่งมูลค่าไม้ที่ตรวจพบในวันนี้มีมูลค่าในประเทศไทยกว่า 36 ล้านบาท แต่หากถูกส่งออกไปยังต่างประเทศจะมีมูลค่าสูงกว่า 10 เท่าของราคาในประเทศไทย
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้เราใช้ชื่อว่า ปฏิบัติการฟ้าสางที่แพรกษา เป็นความร่วมมือหลายหน่วยงานด้วยกันทั้งศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่ากระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจ สภ.บางปู สมุทรปราการ เข้าปฎิบัติการเข้าทำลายบ่อนทำลายชาติ ตามนโยบายหลักของรัฐมนตรีธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการชัดเจนว่า จะต้องไม่ให้มีไม้ที่ผิดกฎหมาย มาปะปนกับไม้ที่ถูกกฎหมาย ต่อไปจะต้องเร่งสืบสวนขยายผลบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันดำเนินการและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ด้านพันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการภาค 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กล่าวว่า ไม้ทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ในวันนี้มีทั้งไม้พยูง ไม้ชิงชัน และไม้ประดู่ รวมทั้งหมดกว่า 400 ท่อน ซึ่งมีทั้งเป็นท่อนและเป็นเหลี่ยม ส่วนปริมาตรโดยประมาณ 60 ลูกบาศเมตร มีมูลค่ากว่า 36 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาในประเทศไทย แต่หากส่งออกไปต่างประเทศ ราคาจะสูงกว่าในประเทศไทยถึง 10 เท่า เนื่องจากราคาไม้นั้นสูงมาก จึงเป็นเครื่องจูงใจให้มากระทำผิด ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ได้ทราบมานานแล้ว รวมทั้งพื้นที่ปริมณฑล พื้นที่ใกล้ท่าเรือ ก็จะทำประมาณนี้คือ เช่าโกดังไว้ และจะย้ายไปเรื่อยๆ อย่างกรณีนี้ เป็นโกดังของคนไต้หวัน ซึ่งมาอยู่ในเมืองไทยนานแล้วมาเป็นนายทุน มีการติดต่อเชื่อมโยงกับนายทุนชาวจีน เมื่อมีออร์เดอร์เข้ามา นายทุนที่อยู่ในประเทศไทย ชื่ออักษรย่อว่า เจ๊ ม ก็จะสั่งออร์เดอร์ให้ไปตัดไม้ในป่า และจะทำการขนย้ายมาไว้ในโกดังแห่งนี้ และจะติดต่อผู้ซื้อชาวจีนที่อยู่ต่างประเทศ เข้ามาดูไม้ และตกลงราคา ก่อนเตรียมบรรจุใส่ตู้คอนเทรนเนอร์ โดยเมื่อเช้าที่เข้าจับกุมพบว่า นายทุนและคนงาน กำลังนำไม้บรรจุเข้าตู้คอนเทรนเนอร์อยู่พอดี ซึ่งทราบว่ายังมีเครือข่ายที่ดำเนินการแบบนี้อีกจำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการติดตามจับกุมทั้งหมด ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมได้ในวันนี้ได้ส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.บางปู สมุทรปราการ เพื่อให้คุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
