พลเรือโท สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมัน ลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซลเข้ามาจำหน่ายในประเทศ มูลค่ากว่า 3.8 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 10.30 น. ที่หน่วยสืบสวนปราบปรามสมุทรปราการกรมศุลกากร พลเรือโท สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 นายไชยทัต นิวาศะบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผบก.รน.ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมัน ลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซลเข้ามาจำหน่ายในประเทศ พร้อมยึดของกลางเรือบรรทุกน้ำมันจำนวน 2 ลำ น้ำมันในเรืออีกกว่า 140,000 ลิตร มูลค่าประมาณ 3.8 ล้านบาท ผู้ต้องหาชาวไทย 2 คน โดยติดตามจับกุมได้ที่บริเวณร่องน้ำท่าจีน
พลเรือโท สุทธินันท์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการลักลอบค้าน้ำมันผิดกฎหมายในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มรุนแรงและเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 จึงมอบหมายและสั่งการให้เรือในหมวดเรือเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมกับบูรณาการณ์หน่วยงานที่เกี่ยวของ ซึ่งลาดตระเวนทางทะเล ให้เตรียมแผนในการป้องกันและปราบปรามออกหาข่าว พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์การลักลอบ ค้าน้ำมันผิดกฎหมายอย่างใกล้ชิดกระทั่งพบเรือ เรือบรรทุกน้ำมัน ส.พรนาวิน และเรือ พ.สุดสาคร 4 จอดอยู่ร่องน้ำท่าจีน เจ้าหน้าที่จึงได้นำเรือเข้าเทียบและขอตรวจค้นพบน้ำมันดีเซลบรรจุอยู่ใต้ท้องเรือ โดยทั้งสองลำไม่มีเอกสารและหลักฐานผ่านพิธีการทางศุลกากรมาแสดงมายืนยัน จึงได้ตรวจยึดและคุมชาวไทยซึ่งอ้างว่าเป็นคนดูแลเรือ 2 คน มาสอบสวนขยายผล ทั้งนี้ทราบว่าน้ำมันที่นำเข้ามานั้นจะขายต่ำกว่าราคาขายปลีกตามปั้มอยู่ที่ลิตรละประมาณ 10 บาท อย่างไรก็จะได้แจ้งขอหานำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตมีการรับซื้อหรือรับเอาไว้ในความครอบครองถือว่าหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้รัฐบาลเสียหาย พร้อมกับจะได้ทำการสืบสวนขยายผลที่มาของน้ำมัน และใครเป็นเจ้าของเรือเพื่อติดตามมาดำเนินคดีต่อไป
