น้ำตาพ่อแม่ แทบเป็นสายเลือด ลูกสาววัย 6 ขวบ ดับปริศนาหลังไปโรงเรียนแล้วปวดท้อง ถูกนำส่งอนามัย รออยู่นาน 4 ชั่วโมง รอแม่มารับไปส่งที่โรงพยาบาล พอมาถึงโรงพยาบาลลูกสาว เกิดอาการชักอย่างรุ่นแรงศีรษะโขกกับเตียง เข็นคนไข้ที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข็นมารับ ก่อนที่จะนิ่งไป พอเข้าห้องไปสักพักเจ้าหน้าที่พยาบาลเดินออกมาบอกว่าน้องเสียแล้ว จึงทำให้แม่เด็กถึงกับเข่าทรุด
เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 10 กันยายน 2561 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีเด็กหญิงวัย 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนวัดบางโฉลงใน อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เสียชีวิตด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ที่ห้องพักศพโรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มารดาและญาติติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว หลังรับแจ้งผู้สื่อข่าวจึงเดินทางเข้าตรวจสอบ
ที่ห้องพักศพของโรงพยาบาลบาลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้พบ นางสาวนงเยาว์ แดนเมืองแทน อายุ 42 ปี กำลังร่ำไห้ปานจะขาดใจกอดศพเด็กหญิงน้ำเพชร อุดมกิน อายุ 6 ขวบเศษ หรือน้องน้ำเพชร ผู้เป็นบุตรสาว ที่นอนแน่นิ่งอยู่ในชุดนักเรียนบนเตียงคนไข้ในห้องพักศพ โดยมีญาติและสามีคอยปลอบอยู่ข้างด้วยอาการเดียวกัน
โดยนางสาวนงเยาว์ ได้เล่าทั้งน้ำตาที่นองหน้าว่า ตนทำงานเป็นแคดดี้ อยู่ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในอำเภอบางพลี เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ตนได้พาลูกสาวไปส่งที่โรงเรียนตามปกติ ซึ่งน้องน้ำเพชร ก็ยังร่าเริงปกติ หลังส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนตนก็เดินทางไปทำงาน จนกระทั้งในช่วงเย็นตนจึงได้เห็นไลน์ในโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นไลน์กลุ่มของสนามกอล์ฟ ที่ตนทำงานอยู่ ซึ่งมีข้อความว่าให้ตนเองรีบไปดูลูกสาวที่อนามัยตำบลบางโฉลงด่วน ลูกสาวตนปวดท้องอย่างรุนแรงอาการแย่ลงแล้ว ด้วยความตกใจ ตนจึงได้โทรลางานกับนายจ้างก่อนรีบนั่งแท็กซี่มาที่อนามัยทันที่เพื่อดูอาการลูกสาว แต่หลังจากที่ตนได้เห็นสภาพลูกสาวแล้วเหมือนใจจะขาดเมื่อเห็นลูกสาวที่นอนอยู่บนตียงคนไข้ภายในอนามัยดังกล่าวด้วยอาการตัวเหลืองปากเขียวและไม่มีเรี่ยวร้อง โดยมีเจ้าหน้าที่อนามัยจำนวน 3 คนยืนดูอยู่ข้างเตียง เมื่อลูกสาวเห็นตนได้พูดว่าแม่จ๋าช่วยหนูด้วยหนูปวดท้อง ตนจึงถามว่าทำไมไม่พาลูกสาวตนไปส่งโรงพยาบาล ทั้ง ๆ ที่ก็มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นโงพยาบาลเอกนก็ตาม เพราะประกันโรงเรียนก็มี แต่ทางเจ้าหน้าที่ของอนามัยดังกล่าวกลับมาต่อว่าตนอีกว่า คุณแม่ทำอะไรอยู่ทำไมติดต่อไม่ได้ ลูกสาวอาการแย่แล้วรอคุณแม่มาทำเรื่องเอกสารอยู่ และมีเจ้าหน้าที่อานามัยบางคนมาถามตนว่าจะให้พาน้องส่งต่อไปรักษาเลยหรือไม่ ตนเองก็ยังงงว่าทำไมต้องมีคำถามนี้ในเมื่อลูกสาวนอนตัวซีด ปากเขียว ขนาดนี้ ตนจึงได้โผเข้าไปกอดลูกสาวก่อนที่อุ้มมาไว้แนบอก และพยามยามจะพาบุตรสาวไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่ไม่มีรถแท็กซี่เลย จังหวะนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร บอกให้ตนอุ้มลูกสาวขึ้นรถ ก่อนพาขับออกมาที่ถนนใหญ่และส่งต่อขึ้นรถแท็กซี่มาที่โรงพยาบาลบางพลี ซึ่งตลอดทางลูกตนก็ยังมีสติอยู่ แต่พอมาถึงโรงพยาบาลบางพลี ลูกสาวตนเกิดอาการชักอย่างรุ่นแรงศีรษะโขกกับเตียง เข็นคนไข้ที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข็นมารับ ก่อนที่จะนิ่งไป ก่อนที่จะถึงห้องฉุกเฉิน หลังแพทย์ตรวจอาการพบว่าลูกสาวตนเสียชีวิตก่อนแล้ว ตนถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้นโชคดีที่ญาติช่วยประคองไว้ทัน
ตนสอบถามไปยังครูประชำชั้นทราบว่าน้องมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนฟุบล้มกองกับพื้นครูประจำชั้นจึงพาเข้าอานามัยใกล้เคียงทันทีเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ที่ผ่านมา จากนั้นอานามัยก็ทำการรักษาเบื้องต้นและไม่ยอมส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียง มีเพื่อนที่เป็นผู้ปกครองคนหนึ่งพยามขอตัวน้องน้ำเพชรส่ง โรงพยาบาลบางพลี แต่เจ้าหน้าที่อ้างว่าต้องเป็นมารดาหรือบิดาเท่านั้น จึงจะสามารถเคลื่อนย้ายส่งต่อไปรักษาได้ เนื่องจากจะต้องให้มารดาหรือบิดามาเซ็นเอกสารเสียก่อนจึงจะส่งตัวไปได้ ทำให้น้องน้ำเพชร ซึ่งปวดท้องอย่างรุนแรง นอนรอมารดาในอานามัยตั้งแต่เวลา 12.30 – 16.30 น. กว่าที่ตนจะทราบเรื่องสุดท้ายน้องเสียชีวิตอย่างที่ไม่ควรจะเสียชีวิต ตนเองจึงตั้งคำถามว่าทำไมเหตุใดอานามัยแห่งนี้ถึงไม่ส่งตัวน้องน้ำเพชร ลูกสาวตนไปรักษาต่อเมื่อเห็นว่าน้องอาการหนักทำไมต้องปล่อยให้น้องนอนเจ็บปวดนานกว่า 4 ชั่วโมงจนน้องทนไม่ไหวและเสียชีวิต จึงอยากเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกสาวและทวงถามความรับผิดชอบไปยังเจ้าหน้าที่อานามัยแห่งหนึ่งว่าเพราะอะไรถึงไม่ส่งต่อการรักษาให้ลูกสาวของตนเอง
ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.บางพลี หลังจากได้รับแจ้งการเสียชีวิตได้ร่วมกับทางแพทย์เวรโรงพยาบาลบางพลีชันสูตรเบื้องต้นและลงบันทึกประจำวันและมอบร่างน้องน้ำเพชร ให้มูลนิธินำส่งไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรามาธิบดีสมุทรปราการ และจะได้เชิญตัวครูประจำชั้นและเจ้าหน้าที่อนามัยทั้ง 3 มาทำการสอบถามข้อเท็จจริง โดยในวันรุ่งขึ้นมารดาและญาติเตรียมรับศพน้องกลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดใกล้เคียงกับโรงเรียน
