เกิดเหตุแก๊สหุงต้มรั่วไหลขณะที่เข้าไปจุดเตาแก๊สเพื่อปรุงอาหารแก๊สเกิดระเบิดเปลวไฟลวก 3 ชีวิต ผัวเมียหลานวัย 8 ขวบ เหตุเกิดภายในที่บ้านเลขที่ 144/26 หมู่ที่ 12 ซอยลิขิต 7 แยก 9 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 25 เมษายน 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุ แก๊สรั่วและมีไฟลุกไหม้ภายในที่บ้านเลขที่ 144/26 หมู่ที่ 12 ซอยลิขิต 7 แยก 9 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังรับแจ้งพร้อมจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงจาก อบต .บางพลีใหญ่ และมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดียว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด ได้พบเพลิงลุกไหม้ภายในห้องครัว ชาวบ้านได้ช่วยกันใช้ถังน้ำยาเคมีดับเพลิงมาช่วยกันดับเปลวไฟเอาไว้ได้ และยกถังแก๊สหุงต้น ขนาด 15 กิโลกรัม ออกมาวางไว้นอกบ้านเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่รถดับเพลิงจะเดินทางมาถึง จากการเข้าตรวจสอบพบว่าไฟได้ลุกไหม้ภายในห้องครัวได้รับความเสียหายทั้งหมด โดยที่ยังมีหม้อนึ่งข้าวเหนียวตั้งอยู่บนเตาแก๊ส และได้รับแจ้งว่าที่เกิดเหตุ มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวกตามร่างกาย จำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ช่วยนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลบางพลีก่อนแล้ว
จากการสอบถามนางบุญส่ง พรมแก้ว อายุ 63 ปี เพื่อนบ้าน ได้เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น ตนและพี่สาวจึงได้รีบออกมาดู พบว่ามีเปลวไฟลุกไหม้ในห้องครัวอย่างรุนแรง จึงตะโกนบอกหลานเขยและเพื่อนบ้านช่วยกันนำถังน้ำยาเคมีดับเพลิงมาช่วยกันดับเปลวไฟเอาไว้ได้ก่อนที่จะลุกลามติดตัวอาคาร และยังพบว่าเจ้าของบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย เป็นพ่อ แม่ และหลานชาย อายุ 8 ขวบ มีแผลถูกไฟลวกตามร่างกาย ขณะที่เพื่อนบ้าน ได้เล่าว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นและมีเปลวไฟลุกขึ้นมาอย่างรุนแรง ซึ่งขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในห้องครัวทั้งหมด 3 ราย เป็นสามีภรรยาและหลายชายวัย 8 ขวบ จึงได้รีบเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บทั้งสามที่อยู่ในครัวออกมาได้ และพบว่าถูกไฟลวกได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่าสาเหตุ น่าจะมาจากสายแก๊สรั้วระหว่างที่ผู้บาดเจ็บทั้งสามกำลังเข้าไปหุงหาอาหารภายในครัว โดยที่ไม่รู้ว่าแก๊สเกิดการรั่วอยู่จึงทำให้มีปริมาณแก๊สสะสมอยู่ในห้องครัว ขณะที่ผู้บาดเจ็บจุดเตาแก๊สจึงทำให้เกิดประกายไฟและเกิดระเบิดขึ้นจึงทำให้เกิดไฟลุกไหม้ดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
