นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิเพื่อเด็กและสตรี เดินทางมาตามคืบหน้าหลังรวบหนุ่มโรคจิต หลอกเด็ก 14 ถ่ายคลิปเปลือยแลกค่าเทอม ที่ สภ.เมือง สมุทรปราการ
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 15 พฤษภาคม 2563 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิเพื่อเด็กและสตรี ได้พานางบี นามสมุติ อายุ 40 ผู้ปกครอง ด.ญ. เอ (นามสมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ เข้าพบ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อติดตามคดี ที่มีหนุ่มโรคจิตให้ ด.ญ.ถ่ายรูปเปลือย ส่งให้เพื่อกับค่าเทอม หลังทราบว่าสามารถจับกุมตัวหนุ่มโรคจิตรายนี้ได้แล้วพร้อมของกลางคลิปเปลือยและรูปถ่ายของเด็กหญิงผู้เสียหายและยังมีรายอื่น ๆ อีกจำนวนมากซึ่งอยู่ในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พร้อมทั่งกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ภายหลังจากสามารถติดตามจับกุมตัว นายนที สุดสวาท อายุ 39 ปี โชเฟอร์ขับรถบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ภายหลังจากนายนที แอบถ่ายคลิปวีดีโอ ขณะ ด.ญ.เอ ขณะถอดเสื้อผ้า จนเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่า และนายนที ใช้คลิปดังกล่าวข่มขู่ ด.ญ.เอ ไม่ออกมาพบ จะนำคลิป ดังกล่าว รวมทั้งข้อมูลส่วนตัว ไปโพสต์ลงโซเชียลของโรงเรียนและผู้ปกครอง
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ด.ญ.เอ ได้มีหนังสือร้องทุกข์แจ้งมาาทางเพจเฟชบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเข้าไปในเว็บไซค์ซึ่งเป็นเว็บลักษณะหาคู่ ก่อนที่จะไปโพสต์ ข้อความเพื่อหาคนดูแลและเลี้ยงดู ต่อมาได้มีผู้ชาย ทราบชื่อภายหลังชื่อนายนที ได้เข้ามาตอบกะทู้และทิ้งอีเมล ให้ตนติดต่อกลับ และมีการแลกไอดีไลน์เพื่อแชทคุยกัน นายนที ได้ออกอุบายว่า จะขอเลี้ยงดูและให้เงินค่าเทอมจำนวน 18,000 บาท แต่ต้องมีหลักฐาน โดยให้ ด.ญ.เอ ถ่ายรูปบัตรนักเรียน ที่อยู่บ้านเลขที่มาให้ แค่นั้นไม่พอ นายนทียังได้ออกอุบายให้ ด.ญ.เอ วีดีโอคอล และให้ถอดเสื้อผ้าออกให้ดู โดยอ้างว่าหากทำตามที่บอกจะโอนเงินจำนวน 18,000 บาทให้ ซึ่งขณะนั้น ด.ญ.อยากหาเงินค่าเทอมเรียนเองเพื่อช่วยแม่แบ่งเบาภาระ เนื่องจากในช่วงที่โควิดระบาด รัฐบาลออกมาตรการบังคับใช้ ทำให้แม่ที่ค้าขายมีรายได้น้อยลง ด.ญ.เอ จึงยอมทำตามเพราะอยากได้เงินเพื่อนำมาจ่ายค่าเทอม และอยากช่วยเหลือครอบครัว จึงยอมทำตาม โดยคาดไม่ถึงว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้และรู้เท่าไมถึงการณ์ และจากที่เปลือยกายให้นายนที ดูผ่านวีดีโอคอลแล้ว นายนที ก็ไม่ยอมโอนเงินมาให้ตามตกลง อ้างว่าแอพลิเคชั่นธนาคารในมือถือเข้าโอนเงินเข้าไม่ได้ และนายนที ยังได้พยายามนัดให้ ด.ญ.เอ ออกไปหา แต่ ด.ญ.เอ ไม่หลงกลและคิดว่าถ้าออกไปหานายนที ต้องการจะทำมิดีมิร้ายแน่นอน หลังจากที่นายนที เห็นว่า ด.ญ.เอ ไม่ยอมออกมาหานายนที ได้ติดต่อมาทางไลน์ พร้อมส่งภาพเปลือยของ ด.ญ.เอ มาให้ดู อ้างว่า มีคนนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก แต่เมื่อตนดูแล้วชื่อเฟชบุ๊ก คนที่โพสตรงกับชื่ออีเมลของนายนที จึงมั่นใจว่านายนทีเป็นคนทำ และยังมีการแคปรูปภาพผู้หญิงอีกหลายคนที่นายนที ถ่ายภาพเปลือยลักษณะเดียวกับตนมาให้ดู พร้อมขู่ว่าถ้าตนไม่ออกไปพบ ก็จะเหมือนกับผู้หญิงพวกนี้ที่ถูกแชร์ภาพออกมา และยังขู่ว่าจะส่งภาพไปให้แม่ และทางโรงเรียนดู พร้อมขู่ว่าให้เวลาถึงสิ้นเดือนนี้ หากไม่ออกมาพบก็จะโพสต์คลิปของ ด.ญ.เอ บนโลกโซเชียล ด้วยความกลัว ด.ญ.เอ ไม่รู้จะปรึกษาใครเพราะไม่กล้าบอกพ่อแม่ จึงได้ติดต่อมูลนิธิปวีณาฯ ให้ลงมาช่วยเหลือ ด.ญ.เอ ยังกล่าวอีกว่าที่ตนต้องทำแบบนี้เพราะทางบ้านมีปัญหาด้านการเงิน พ่อแม่แยกทางกัน หนูอาศัยอยู่กับแม่ในจังหวัดสมุทรปราการ ตนเห็นแม่ขายของหาเงินอย่างยากลำบาก แล้วก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว จึงอยากจะหาเงินมาจ่ายค่าเทอมเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ แต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับตน
ขณะที่นางปวีณา กล่าวว่า หลังได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด จากปากเด็ก จึงได้ ประสาน กับ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมกับได้นำตัวเด็กเข้ามาแจ้งความ ดำเนินคดีกับนายนที ผู้ต้องหา กระทั่งได้ทราบว่า เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายนที เอาไว้ได้ จึงได้มาติดตามคดีและขอบคุณ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก. และ พ.ต.ท.นพดล ช่างเรือน รอง ผกก.สส.และชุดทำงานทุกคน ที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ตนเองอยากเตือนว่าขณะนี้ได้มีมิจฉาชีพแอบแฝงอยู่เยอะมาก และอยากฝากให้ผู้ปกครองเด็ก ๆ และเยาวชน ให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และจิ้งจอกสังคมลักษณะนี้ได้
ส่วนผู้ต้องหาเบื้องต้นรับสารภาพว่า ได้กระทำดังกล่าวจริง โดยทำเป็นครั้งแรก แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจาก พบมีคลิปวีดีโอโป้เปลือย ของเด็กหญิงและหญิงสาวอยู่ในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาอีกหลายคลิป จึงได้แจ้งข้อหาต่อนายนที ว่าครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: