หนุ่มเจ้าของร้านไปรษณีย์ยัวซ่า วอนสื่อเตือนภัยมิจฉาชีพในคราบของสาวชาวต่างชาติ ทำทีเข้ามาซื้อของ ก่อนจะทำให้สับสน แล้วเก็บเงินไปก่อนจะถามหาเงินทอน แล้วหลบหนีไป
เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 นายนิรันดร์ ลิ้มรั้ว อายุ 46 ปี เจ้าของร้านไปรษณีย์ ยัวซ่า ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยยัวซ่า หมู่ 5 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้นำภาพกล้องวงจรปิด ที่บันทึกพฤติกรรมของสาวชาวต่างชาติ ที่เข้ามาทำทีของซื้อเจลล้างมือ ก่อนใช้อุบายพูดไทยไม่ได้หลอกเอาเงินไป เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนเพื่อให้เตือนภัยกับชาวบ้าน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับตนเอง
ข่าวน่าสนใจ:
- สอ.สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ประชุมใหญ่ โชว์กำไร 52 ล้าน พร้อมเลือกตั้งกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ
- ผู้กำกับ สภ.บางเสาธง เชิญตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่รถชนกันแล้วมีอ้างรู้จักตำรวจ
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
- บุรีรัมย์ คริสตจักรเมืองบุรีรัมย์ จัดงานเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส ส่งความสุขก่อนปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่
โดยนายนิรันดร์ ผู้เสียหาย ได้เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ตนนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่หน้าเคาเตอร์ ได้มีหญิงสาวรายหนึ่งอายุประมาณ 35-40 ปี ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ แต่ไม่ทราบว่าชาติใด ผมยาวรูปร่างท้วม สูงไม่เกิน 170 เซนติเมตร สวมใส่ชุดดำ และสวมหน้ากากอนามัยสีขาวปิดปากและจมูก ได้เดินข้ามฝั่งเข้ามาในร้าน ก่อนที่จะมาหยิบขวดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่วางอยู่หน้าเคาเตอร์ และถามตนด้วยภาษาอังกฤษ ตนจึงบอกราคาไปก่อนที่หญิงคนดังกล่าวจะส่งเงินแบงค์พันให้ตน 1 ใบ ตนจึงได้รับมาและเปิดลิ้นชักเอาเงินออกมาทอนให้แก่หญิงสาวคนดังกล่าวจำนวน 950 บาท เป็นแบงค์ห้าร้อย 1 ใบ แบงค์ร้อย 4 ใบ และแบงค์ห้าสิบอีก 1 ใบ
ในระหว่างที่ตนกำลังหยิบเงินทอนให้หญิงสาวคนดังกล่าวตนได้เรียกภรรยามาช่วยฟังด้วย เนื่องจากตนไม่เก่งภาษาอังกฤษ จนกระทั่งภรรยาตนเดินออกมาตนก็ส่งเงินทอนจำนวนดังกล่าวให้หญิงสาวคนดังกล่าวไป และหญิงคนดังกล่าวได้ยืนนับเงินทอน ซึ่งในระหว่างนั้นมีคนส่งไลน์มาหาตนและภรรยาจึงได้ก้มหน้าดูโทรศัพท์ โดยไม่ทันดูว่าหญิงสาวคนดังกล่าวใช้มือฉีกแบงค์ 500 ที่ตนทอนไปให้ ก่อนที่หญิงสาวคนดังกล่าวจะยื่นแบงค์ 500 มาให้ตนและภรรยาดูว่าแบงค์ขาด และขอเปลี่ยนเป็นแบงค์ 100 จำนวน 5 ใบ ตนก็หยิบมาดู ได้พบว่าแบงค์ 500 ใบดังกล่าวขาดตรงกลางใบพอดี ตนจึงเปลี่ยนเป็นแบงค์ 100 จำนวน 5 ใบ และในระหว่างที่ตนกำลังนับเงินทอนหญิงสาวคนดังกล่าวได้ส่งเงินที่เหลืออีก 450 บาทคืนให้ตน และบอกว่าไม่เอาแล้ว และชวนคุยอยู่พักใหญ่ ก่อนขอเงินแบงค์ 1,000 คืน ตนจึงหยิบแบงค์พันที่เก็บไว้ในเครื่องคิดเงิน และส่งให้ภรรยาเป็นคนส่งคืนให้ และหญิงสาวคนดังกล่าวทำท่าทียึกยักเล็กน้อย ก่อนที่จะดึงเอาเงินแบงค์ 1,000 ไปใส่กระเป๋าสะพาย ที่สะพายอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหยิบขวดเจลล้างมือที่วางอยู่หน้าเคาว์เตอร์มาถามราคาอีกครั้ง โดยหยิบมา 2 ขวด และทำทีถามราคาอีกทำนองว่า 2 ขวดราคาเท่าไหร่ ตนได้บอกราคาด้วยยกนิ้วให้ดูว่าขวดละ 40 บาท หญิงสาวคนดังกล่าวก็ตอบตกลงและทวงถามเงินทอน ภรรยาก็คิดว่าตนเก็บเงินมาแล้วจึงได้หยิบเงินในเครื่องเก็บเงินจำนวน 950 บาทในขณะที่กำลังนับเงินทอน หญิงสาวคนดังกล่าวก็ยังทำทีสอบถามราคาเจลขวดกลางมาวางคู่กันอีก แต่ไม่เอา ก่อนที่ภรรยาตนจะส่งเงินทอนให้หญิงสาวคันดังกล่าวไป ก่อนที่หญิงคนดังกล่าวจะเดินออกนอกร้านไป ซึ่งขณะนั้นตนก็ยังงงๆ อยู่ และเกิดความสงสัยว่าเอาแบงค์พันให้หญิงคนดังกล่าวไปก่อนหน้าแล้วทำไมเราต้องให้เงินทอนเขาไปด้วย จึงได้เปิดกล้องวงจรปิดดูจึงได้ทราบว่าตนเองถูกหลอกเอาเงินทอนไปจำนวน 950 บาทซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ทุกขั้นตอน
ตนอยากจะฝากเตือนภัยกับร้านค้าต่าง ๆ ให้ช่วยกันระวังมิจฉาชีพพวกนี้ด้วยเพราะเข้ามาหลายรูปแบบ และยิ่งเศรษฐ์กิจบ้านเรากำลังเป็นแบบนี้ด้วย เงินทองก็หายาก และตนขอยืนยันว่าหญิงคนที่มาก่อเหตุไม่ใช่คนไทยแน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: