จากกรณีสาวพิการวัย 18 ปี ถูก เด็กชาย วัย 12 ปี กรีดแขนขา ล่าสุดช่วงบ่ายของวันที่ 2 ตุลาคม 2561 เจ้าหน้าที่ พฐ.เข้าเก็บหลังฐาน พร้อมเจ้าหน้าที่สอบสวนเข้าสอบปากคำ คนเลี้ยงเด็กชายวัย 12 ปี ให้การว่า พ่อแม่ แท้ ได้นำเด็กชายดังกล่าวมาให้ลูกชายตนเลี้ยงไว้เป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่เด็ก ยอมรับว่า น้องแมน อาจจะมีความซุกซนบ้างตามประสาเด็กๆ แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ถึงขั้นเอา มีดไปทำร้ายคนอื่นแบบนี้ ซึ่งตนเองก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เบื้องต้นเด็กชายดังกล่าวยอมรับว่าทำจริง แต่ยังไม่แจ้งข้อหา รอสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพเสียก่อน
จากกรณีหญิงวัย 18 ซึ่ง พิการทางสมอง ตาบอด และเป็นใบ้ ซึ่งผู้เป็นแม่นำไปฝากเพื่อนบ้านเลี้ยง ขณะออกไปทำงาน ถูกเด็กชายวัย 12 ปี หลานของเจ้าของบ้านใช้มีดกรีดแขนและขาจนเป็นแผลเย็บกว่า 50 เข็ม อ้างโมโหไม่ยอมกินข้าวเย็น พี่สาวทราบเรื่องนำภาพบาดแผลโพสต์ลงในโลโซเชียล ขอความเป็นธรรม ตามข่าวที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 2 ตุลาคม 2561 ร.ต.อ.สหัสพล พุ่มอิ่ม รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ เจ้าของคดีพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลังฐานตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ได้เดินทางมาบ้านที่เกิดเหตุเพื่อเก็บวัตถุพยานมาประกอบสำนวนคดี จากการพูดคุยกับ นางจำรัส เจ้าของ บ้านที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า สำหรับน้องแมน (นามสมมุติ) พ่อและแม่แท้ ๆ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชา ได้นำมาฝากตนเลี้ยงไว้ตั้งแต่เด็กก่อนที่ทั้งสองจะทิ้งน้องแมน ไปปล่อยลูกชายตนเลี้ยงไว้เป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่เด็ก ด้วยความสงสาร คนในครอบครัวจึงได้ส่งเสียให้เรียน จนขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป. 6 ทั้งนี้ตนเองก็ ยอมรับว่า น้องแมน อาจจะมีความซุกซนบ้างตามประสาเด็กๆ แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ถึงขั้นเอา มีดไปทำร้ายคนอื่นแบบนี้ ซึ่งตนเองก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ร.ต.อ.สหัสพล พุ่มอิ่ม รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ เจ้าของคดี ได้กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ได้สอบปากคำเด็กชายวัย 12 เบื้องต้นแล้ว ซึ่งเด็กเองก็ย้อมรับว่าเป็นคนทำจริง แต่ก็ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหา เนื่องจากต้องรอนำเด็กผู้เสียหายและคนที่ทำร้ายซึ่งยังเป็นเยาวชน ไปร่วมสอบปากคำกับสหวิชาชีพเสียก่อน
ทางด้านนางสุภาภรณ์ แม่ของน้องรัตน์ ที่ถูกทำร้ายได้กล่าวว่า ในเรื่องของคดีตนเองได้ให้ลูกสาวคนโตเป็นคนดำเนินการ ซึ่งจะว่าอย่างไรนั้นก็ต้องปล่อยไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ในส่วนความช่วยเหลือนั้น ขณะนี้ได้มี เจ้าหน้าที่ของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรปราการ เข้ามาดูอาการของน้องรัตน์ แล้วพร้อมหาแนวทางช่วยเหลือแล้ว แต่ต้องรอน้องรัตน์อายุ 18 ปีเต็ม ในวันที่ 24 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ ถึงจะสามารถนำไปพักพิงอยู่ที่สถานคุ้มครอง และพัฒนาคนพิการพระประแดงได้ อย่างไรก็ตามซึ่งระหว่างรอ ตนก็คงต้องหยุดทำงานไปก่อน เพื่อดูแลลูกสาวถึงแม้จะไม่มีรายได้มาจุนเจือ แต่ตนเองก็ไม่อยากจะทิ้งลูกสาวไปไหนเพราะยังเป็นห่วง
ขณะเดียวกันนายสิริภพ ฤทธิจันทร์ ประธานศูนย์ ประธานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน จังหวัดสมุทรปราการ ได้เข้ามาดูอาการของน้องรัตน์ และสำรวจว่า น้องรัตน์ มีสิทธิด้านประกันสุขภาพใดบ้าง ซึ่งพบว่าน้องรัตน์ มีเพียงบัตรคนพิการเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่ครอบคลุมในการดูแลทั้งหมด ตนจึงได้ขอเอกสารของน้องรัตน์ เพื่อนำไปทำเรื่องขอทำบัตร ท. 45 เพื่อที่น้องรัตน์จะได้ ได้สิทธิ์กองทุนประกันสุขภาพอื่นๆ ต่อไป
