กลุ่มชายฉกรรจ์ กว่า 10 คน สุดกร่าง ยกพวกทำร้ายชาวบ้านเจ็บ ถึงหน้าตึก นักข่าวช่องดังนั่งอยู่ในเหตุการณ์จะโทรแจ้งตำรวจเข้ามาระงับเหตุกลับถูกหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ต่อยจนปากฉีกเย็บ 18 เข็ม แถมยังขู่ ก่อนที่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดจะแยกย้ายหลบหนี
ภาพวงจรปิดบริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่งภายในซอยเทพารักษ์ 102 ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะกลุ่มชายฉกรรจ์เกือบ 10 คนกำลังรุมทำร้ายชาวบ้านที่นั่งสนทนากับผู้สื่อข่าวพิเศษของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งประจำจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ที่ท้ายรถยนต์กระบะ ซึ่งจอดอยู่หน้าหอพัก จนชาวบ้านคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวซึ่งเป็นชายรูปร่างผอมสูงประมาณ 170 เซนติเมตรใส่เสื้อสีฟ้ากางเกงขายาวสีดำสวมหน้ากากผ้าสีขาวจะหันมาทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าวพิเศษ ที่อยู่ในเหตุการณ์ ด้วยการชกต่อยที่ใบหน้าและตีเข่า จนปากของผู้สื่อข่าวฉีกเลือดกบปาก โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เหลือคอยยืนคุมเชิงไม่ให้ใครเข้ามาช่วย พร้อมขู่ ว่ามีเรื่องกับกูมึงอยู่ลำบาก ก่อนที่จะแยกย้ายกันขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป หลังเหตุการณ์สงบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 รายเป็นชาวบ้านสามีภรรยา 2 รายผู้สื่อข่าวอีก 1 ราย พลเมืองดีได้ช่วยนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 และโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.30 น.ของวันที่ 11 มิถุนายน 2563
ข่าวน่าสนใจ:
- ค่ายรถยนต์ ผุดบูธเพิ่มช่องทางปั๊มยอดช่วงปลายปี หลังตลาดยังซบยาวต่อเนื่อง
- ผู้ว่าฯปัตตานี รินชาลงกลางใจมาแกแตสถานพินิจฯปัตตานี
- จนมุมเพราะไก่ชน!! ตำรวจบางละมุงวางแผนเหนือเมฆ หลอกแก๊งค์ค้ายานรกมาซื้อไก่ชน ก่อนตามรวบยกแก๊งค์ ยึดยาบ้าแสนเม็ด - ไอซ์ 1 กก. พร้อมรถ 2 คัน…
- ตรัง ผลผ่าพิสูจน์การตายพะยูน 2 ตัว ผอม หญ้าในท้องน้อย ป่วยตาย
หลังแพทย์ให้การรักษาผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คนได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ นิพนธ์ คงพูล รอง สารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ประกอบด้วย นายบัณฑิต ชวาลา อายุ 37 ปี ผู้สื่อข่าวพิเศษ ช่องเวิร์คพ้อยท์ 23 ประจำ จ.สมุทรปราการ ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฉีกบริเวณริมฝีปาก แพทย์ต้องเย็บให้จำนวน 18 เข็ม ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือนายวรากร ใจดี อายุ 40 ปี มีบาดแผลแตกที่บริเวณหางคิวแพทย์ได้เย็บให้จำนวน 8 เข็ม และมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า และ น.ส.นพักชล ศรีสุวรรณ์ อายุ 38 ปี ภรรยาของนายวรากร มีรอยฟกช้ำตามตัว จากการที่เอาตัวเข้าไปปกป้องสามี
โดยนายบัณฑิต ผู้สื่อข่าวพิเศษ ช่องเวิร์คพ้อยท์ 23 ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนและผู้บาดเจ็บทั้งสองกำลัง นั่งคุยกันอยู่ที่ท้ายรถยนต์กระบะที่จอดอยู่หน้าหอพัก ในระหว่างนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 10 คน เดินเข้ามาถามชื่อนายวรากร ผู้บาดเจ็บแต่นายวรากร ก็ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดจะเปิดฉากรุมทำร้ายนายวรากร จนได้รับบาดเจ็บ ระหว่างนั้น น.ส.นพักชล ภรรยาของนายวรากร ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เอาตัวเข้าไปป้องสามี จนทำให้ถูกลูกหลง ระหว่างนั้นตนเห็นท่าไม่ดีจึงได้เดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่มดังกล่าว เพื่อที่จะมาโทรแจ้งตำรวจมาระงับเหตุและเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือ แต่ระหว่างนั้นชายสวมเสื้อสีน้ำเงินหนึ่งในกลุ่มที่มาก่อเหตุ ได้เข้ามาพูดว่ามึงเปรี้ยวนักเหรอที่โทรแจ้งตำรวจ ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะกระโดดชกเข้าที่ใบหน้าของตนอย่างเต็มแรง ทั้งตีเข่าและกระหน่ำต่อยเข้าที่ใบหน้าของตนอีกหลายครั้ง โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เหลือค่อยยืนคุมเชิงไม่ให้ใครเข้ามาช่วย หลังก่อเหตุหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุ ยังได้ขู่อีกว่า ถ้าจะมีปัญหาระวังจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ก่อนทั้งหมดจะแยกย้ายกันหลบหนี
ด้านนายวรากร และ น.ส.นพักชล ได้กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วตนเคยมีปากเสียงกับชายคนหนึ่งซึ่งทำตัวเป็นขาใหญ่ประจำซอยดังกล่าว และเคยถูกกลุ่มชายฉกรรจ์บุกขึ้นไปล้อมห้องบนหอพักมาแล้วครั้งเคยถูกกรีดรถจนเสียหาย แต่ตนเองก็ไม่ได้สนใจเนื่องจากไม่อยากมีปัญหา เนื่องจากกลัวว่าตนเองและภรรยาจะไม่ปลอดภัย เวลาผ่านไปนานเกือบ 1 ปี จนกระทั่งวันนี้อยู่ ๆ กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้เข้ามาถามชื่อตน ก่อนที่จะลงมือรุมทำร้าย เชื่อว่าต้องมีคนชี้เป้าให้กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวมาทำร้ายตน ส่วนนายบัณฑิต เป็นเพื่อนตนและยืนยันว่าได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด เพียงแค่โทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุและรถกู้ชีพให้มานำส่งตนไปรักษาที่โรงพยาบาลเท่านั้น
พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ กล่าวว่า เบื้องต้น หลังจากได้ตรวจสอบภาพจากล้องวงจรปิดซึ่งบันทึกเหตุการณ์ขณะที่ผู้ก่อเหตุลงมือทำร้ายร่างกายเอาไว้ได้ทั้งหมดพร้อมทั้งใบหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด ทำให้พอจะทราบตัวผู้ก่อเหตุหมดแล้ว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: