บิ๊กโจ๊ก นำกำลังตำรวจ 191 เข้าตรวจค้นห้องพักในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ย่านถนนสุขาภิบาล 5 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากสืบทราบมาว่าที่อพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวเป็นสถานที่กระทำความผิดเกี่ยวกับ แก๊งคอล เซ็นเตอร์
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 27 ธันวาคม 2560 พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พลตำรวจตรีธรรมนูญ ไตรทิพยพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 เข้าตรวจค้นห้องพักในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ย่านถนนสุขาภิบาล 5 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากสืบทราบมาว่าที่อพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวเป็นสถานที่กระทำความผิดเกี่ยวกับ แก๊งคอล เซ็นเตอร์ ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมตัวนาย ซู เหวิน ฉง หรือ ฉี เกอ ชาวไต้หวัน พร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ สมุดบัญชีธนาคารต่าง ๆ จำนวนหลายสิบเล่ม หลังสอบสวนขยายผลได้ทราบว่า ยังมีสำนักงานเครือข่ายอีก 2 จุด ซึ่งอยู่ห่างจากจุดแรกประมาณ 2 กิโลเมตร จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นสามารถจับกุมหญิงสาวชาวไทยได้อีกจำนวน 5 คน พร้อมอุปกรณ์ สื่อสาร และ สมุดธนาคาร จำนวนมาก
จากการสอบสวนนายฉี หนุ่มใหญ่ชาวไต้หวัน ได้ให้การสั้น ๆ ว่า ตนและหญิงทั้ง 5 คนมีหน้าที่คอยตรวจสมุดบัญชี และซื่อบัญชีของคนไทยที่ได้ไปว่าจ้างให้เปิดบัญชีเพื่อเอาไว้สำหรับให้เหยื่อโอนเงินเข้า มาก่อนที่จะรีบไปถอนเงินออกมา และส่งกลับไปให้นายทุนใหญ่ในต่างประเทศ
พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า การจับกุมผู้ต้องหากลุ่มนี้ สืบเนื่องมาจากเบาะแสที่ได้รับแจ้งทางสายด่วน 1155 ของเหยื่อที่สงสัยว่า จะถูกหลอกให้เปิดบัญชี เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามแก๊งคอล เซ็นเตอร์ จึงติดตามพฤติกรรม จนกระทั่งทราบว่าที่อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ซึ่งอยู่ในย่านอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นแหล่งที่พักของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่คอยทำหน้าที่ตรวจบัญชี และกดเงินในประเทศไทย เพื่อส่งให้หัวหน้าแก๊งที่ประเทศไต้หวัน จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นและขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านพักอีก 2 หลังซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน พบสมุดบัญชีของธนาคารต่าง ๆ กว่า 80 เล่ม ขณะเดียวกันกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวอีกชุดหนึ่ง ได้เข้าค้นบ้านพักอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอหนองปรือ จังหวัดชลบุรี และสามารถจับกุมผู้ต้องหาเป็นชาวไทยได้จำนวน 4 คน พร้อมสมุดบัญชีอีกกว่า 50 เล่ม หลังพบว่าคนไทยกลุ่มนี้จะมีหน้าที่คอยตระเวนกดเงินที่เหยื่อโอนเข้ามาออกจากตู้ ATM โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมตัวเลขเงินหมุนเวียนในสมุดบัญชี ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้ง ผู้จัดหาสถานที่ให้บุคคลเหล่านี้ใช้เป็นที่กระทำผิด เพราะเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: