หนุ่มโพสต์เตือนภัยผู้ใช้เส้นทางลัดถนนเลียบคลองบางด้วนทะลุวัดสวนส้ม หลังได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปกับแฟนและลูก ช่วงกลางดึก พอมาถึงซอยดังกล่าว ซึ่งเปลี่ยว แถมไม่ค่อยมีรถสัญจรในช่วงเวลากลางคืน ได้มีชายสวมหมวกเต็มใบโบกรถ จึงได้จอดเพราะคิดว่ารถเสีย แต่ชายดังกล่าวได้ชี้ไปข้างหน้า ก่อนที่ชายอีกคนซึ่งนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่วิ่งเข้ามาหา จึงได้ขับขี่รถออกมาจากตรงนั้นทันที
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jum Mum โพสต์ข้อความฝากเตือนภัยพี่น้องคนบางด้วน_สวนส้ม_นะคับ ขับรถกลางคืนเส้นบางด้วนสวนส้มให้ระวังนะคับ วันนี้ผมเจอดักปล้นที่เดิมเป็นครั้งที่ 2 แล้วในรอบ 6 ปี วันนี้อะไรของกูวะเนี่ย เข้าซอยบ้านก้อเจอคนดักปล้นอีกไอ้เหี้ยพรุ่งนี้กูไปดูกล้องก่อน เด่วมึงเจอกูล่าบ้างไอ้สัส ใส่เสื้อวินด้วย ถ้ากูดูกล้องได้เด่วมึงเจอกูแน่ไอ้สัส เคยเจอแบบนี้มาครั้งนึงแล้ว ไม่คิดว่าจะเจอครั้งที่ 2 ไม่ติกลูกมาด้วยมึงสนุกแน่เมื่อกี้ หลังจากที่ข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ออกไปบนโลกออนไลน์ ได้มีคนมาเขียนคอมเม้นท์ว่าเคยถูกก่อเหตุทำนองเดียวกันหลายคน บนถนนเส้นเดียวกัน
ข่าวน่าสนใจ:
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
- ตรัง จัดใหญ่ 12 วัน งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจ.ตรัง 4-15 ธ.ค.นี้ รีแบร์นใหม่! ย้อนยุคงานเหลิมแต่แรก แสดงบินโดรนพิธีเปิด วธ.ทุ่ม 3.4 ล้าน…
- วิกฤตพะยูนตรัง 7 วันสำรวจ พบแค่ตัวเดียว ทดลองวางแปลงอาหาร กลับถูกเมินไม่ยอมกิน
- ร้อยเอ็ด...กบห.โหวดพิฆาตเข้าพบรักษาการพ่อเมืองร้อยเอ็ด ร่วมต้อนรับรัฐมนตรีประจำสำนักฯ เปิดงานเดิน-วิ่งการกุศล ณ อ่างธวัชชัย 30 พ.ย. 67
ช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 8 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบผู้เสียหายซึ่งเป็นคนโพสต์ข้อความดังกล่าว ชื่อนาย ณกรณ์ กมลสวัสดิ์ อายุ 30 ปี ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ในย่าน ต.บางโปรง อ.เมือง สมุทรปราการ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนายณกรณ์ ได้เล่าว่า วันที่เกิดเหตุเป็นคืนวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 เวลาประมาณเที่ยงคืน หลังจากที่ตนและภรรยาได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาจากบ้านพี่สาวโดยใช้เส้นทางลัดถนนทางเข้าวัดบางด้วน และตัดเข้าถนนเลียบคลองบางด้วน เพื่อไปทะลุออกทางข้างวัดสวนส้ม เพื่อที่จะกลับบ้านพัก ขณะที่ตนขี่รถจักรยานยนต์เลี้ยวเข้าที่ในถนนเส้นตัดเลียบคลองบางด้วนได้ประมาณ 150 เมตร ก็ได้มีชายสองคน ขี่รถจักรยานยนต์สวนทางมา โดยที่คนขี่สวมหมวกกันน๊อกแบบเต็มใบ ไม่แน่ใจว่าสีขาวหรือสีดำ เนื่องจากในจุดที่เกิดเหตุเป็นเปลี่ยวและมืด และชายที่นั่งซ้อนท้ายมาไม่ใส่หมวกกันน๊อก แต่สวมใส่เสื้อกักวินรถจักรยานยนต์รับจ้างสีส้ม โดยที่คนขี่โบกมือเรียกให้ตนจอดรถ ตนจึงได้จอดรถเลยรถของชายทั้งสองคนไปประมาณ 10 เมตร และหันกลับมาดู ชายคนขี่ได้ขี่นิ้วไปข้างหน้ารถตนคล้ายจะบอกว่ามีอะไรขวางอยู่ข้างหน้า ตนจึงหันกลับไปดูข้างหน้าแต่ก็ไม่มีอะไร จึงหันกลับมามองที่ชายทั้งสองอีกครั้ง แต่พบว่าชายคนขี่ได้วนรถกลับหันหน้ามาทางเดียวกันตนแล้ว โดยที่ชายคนที่นั่งซ้อนท้ายที่สวมใส่เสื้อวิน ได้กระโดดลงมาจากรถและวิ่งเข้ามาหาตนอย่างรวดเร็ว ภรรยาตนเห็นท่าไม่ดีและคิดว่าชายทั้งสองไม่น่าจะมาดีแน่ จึงบอกให้ตนรีบออกรถตนจึงเร่งเครื่องขี่หลบหนีไป ตลอดเส้นทางที่ตนขี่รถกลับมาที่บ้านทุกอย่างก็เป็นปกติไม่เห็นมีอะไร ตนจึงมั่นใจว่าชายทั้งสองคนน่าจะดักปล้นทรัพย์พวกตนแน่นอน จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบแต่ก็ไม่พบ ตนจึงตัดสินใจโพสต์ข้อความเพื่อเตือนภัย ให้ชาวบ้านที่ใช้เส้นทางดังกล่าวในช่วงกลางคืนได้ระวังตัว แต่ก็มีคนเข้ามาเขียนคอมเม้นท์หลายคนว่าเจอกับตัวเองมาแล้วบนถนนเส้นเดียวกันตน แต่ไม้ได้จอดรถเพราะเป็นที่เปลี่ยวและมืด
หลังจากนั้นนาย ณกรณ์ ได้พาผู้สื่อข่าวเดินทางไปดูยังจุดที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นเส้นทางแคบ ถนนมีเพียง 2 เลน และมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่สองฝั่งและอีกด้านเป็นฝั่งคลองซึ่งมีต้นจากขึ้นอยู่ โดยตลอดเส้นทางมีไฟฟ้าส่องสว่างติดอยู่กับเสาไฟฟ้าข้างทาง แต่ห่างกันมากจึงทำให้ถนนเส้นดังกล่าวคอนข้างมืดในช่วงกลางคืน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: