สมุทรปราการ – ยูเอ็นดำเนินการเพื่อนปรับสถานนะครอบครัวชาวซิมบับเวที่ประกอบด้วยผู้ใหญ่4 คน เด็ก 4 คนให้เป็นผู้ลี้ภัย จากความกังวลไม่ได้รับความปลอดภัยภายในประเทศบ้านเกิด หลังที่ต้องถูกกักบริเวณใช้ชีวิตในสนามบินสุวรรณภูมิร่วม 3 เดือน
ช่วงเย็นของวันที่ 27 ธันวาคม 2560 นายกิตติพงษ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศสุวรรณภูมิ สายปฎิบัติการ 1 และ นางฉฎาณิศา ชำนาญเวช รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายปฏิบัติการ 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว จากการตรวจสอบได้พบกลุ่มครอบครัวชาวซิมบับเว ที่เป็นผู้ใหญ่ 4 คน ชาย 2 หญิง 2 และเด็กอีกจำนวน 4 คน เป็นเด็กชาย 3 เด็กหญิง 1 วัยตั้งแต่ 2 ,6,7 และ 11 ขวบ ที่อยู่ในการดูแลของสายการบิน ในเขตอาคารผู้โดยสาร ชั้นใน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ข่าวน่าสนใจ:
- เพชรบูรณ์ - ว่าที่ผู้สมัครชิง ส.อบจ.เพชรบูรณ์หน้าใหม่ บุกหนักขยันลงพื้นที่
- เดือดกลางวอล์กกิ้ง ปมขัดแย้งร้านบีบีกัน ควงมีด ควงปืน หมายเปิดศึก พลเมืองดีห้ามวุ่น หวั่นนทท.ถูกลูกหลง
- พะเยา จับหนุ่มใหญ่ ซุกปืนเถื่อนสั้นยาวพร้อมกระสุนเพียบ ในบ้าน
- กกต.ตรัง พร้อมเปิดสนาม จัดเลือกตั้งอบจ. เปิดยิม 4,000 ที่นั่งรับสมัคร พื้นที่กว้างขวางรองรับกองเชียร์ผอ.กกต.ตรัง เผยการข่าวพบ 3…
นายกิตติพงษ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศสุวรรณภูมิ สายปฎิบัติการ 1 เปิดเผยว่า ครอบครัวชาวซิมบาบเว ที่พบเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่ช่วง เดือนพฤษภาคม 2560 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และต่อมาได้มาขอเดินทางออกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2560 ด้วยสารการบินยูเครน เพื่อเดินทางไปเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ซึ่งต้องแวะเปลี่ยนลำที่เมืองเคียฟ ประเทศยูเครน แต่จากการตรวจสอบของสายการบินดังกล่าวพบว่า ผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวไม่มีวีซ่าเข้าประเทศสเปน จึงปฏิเสธการขึ้นเครื่อง และได้เจ้าหน้าที่ของสายการบินพาคนต่างชาติกลุ่มนี้มาพบเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อยกเลิกการเดินทาง
แต่จากการตรวจสอบประวัติพบว่าบุคคลกลุ่มดังกล่าวมีสถานะ อยู่ในประเทศไทยเกินกำหนด ถึง 5 เดือน โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับไปแล้ว แต่ไม่สามารถอนุญาตให้กลับเข้าประเทศได้ จึงได้ดำเนินการตามกฎหมายคนเข้าเมือง โดยให้สายการบินยูเครน รับตัวผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าว กลับประเทศ ซิมบายเว ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิด
แต่ปรากฏว่า ทางผู้โดยสารกลุ่มนี้ไม่ยินยอมเดินทางกลับซิมบาบเว เนื่องจากเกรงอันตรายจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ ต่อมาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 กลุ่มผู้โดยสารกลุ่มนี้ได้ซื้อตั๋วเดินทางไปยังประเทศมอลนิโทเรีย โดยผ่านประเทศยูเครน -สเปน-มอนนิโทเรีย
แต่เมื่อกลุ่มผู้โดยสารกลุ่มนี้ได้ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิ ไปถึงประเทศยูเครนแล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางต่อจากประเทศยูเครนไปยังสเปนได้ ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ผู้โดยสารกลุ่มนี้ถูกส่งตัวกลับจากยูเครนมายังสุวรรณภูมิโดยกลุ่มผู้โดยสารนี้ยังคงอยู่ในการดูแลของสายการบิน
จากนั้นทางผู้โดยสารได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัยไปยังองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับสำเนาหนังสือของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ถึงอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ มีใจความสำคัญสรุปว่า กลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าว เป็นผู้ที่ได้รับการลงทะเบียนผู้แสวงหาที่ลี้ภัย และมีความเสี่ยงประสบภัยในประเทศมาตุภูมิ
ทางยูเอ็นกำลังดำเนินการในขั้นตอนผู้ลี้ภัยอยู่ โดยยังคงอยู่ในการดูแลของสายการบินเยี่ยงผู้โดยสารปกติ และไม่ได้ควบคุมในห้อง Detention room ของสายการบินเช่นเดียวกับชาวต่างชาติที่ถูกปฏิเสธผลักดันกลับประเทศแต่อย่างใด
และจากการติดตามความคืบหน้า ทราบว่า ทางยูเอ็นได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล สัมภาษณ์ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการผู้ลี้ภัย โดยคงจะมีการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: