เจ้าร้านขายผ่อนโทรศัพท์มือถือ ถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอกเช่าซื้อโทรศัพท์ ยี่ห้อ ไอโฟน 11 ราคาแพง จำนวนนับ 35 เครื่อง สูญเงินรวมกว่าล้านบาท เดินทางเข้าแจ้งความ สภ.สำโรงใต้ พร้อม ทนาย ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 31 สิงหาคม 2563 ทนาย ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ได้พานายชาตรี ศรีระษา อายุ 41 ปี เจ้าของร้านไอ ที อีเล็คโทรนิค ซึ่งตั้งอยู่ในซอยมหาวงศ์ ต.สำโรง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ และหอยเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.บุญฤทธิ์ เชิญเชื้อ สารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ หลังถูกแก๊ง 18 มงกุฎหลอกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาแพงก่อนปิดเครื่องหนีสูญเงินไปกว่าล้านบาท
ข่าวน่าสนใจ:
โดยนายชาตรี ผู้เสียหายได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาได้มี น.ส.มาลิสา ซึ่งอ้างว่าทำงานอยู่บริษัทรถยนต์ยี่ดังยี่ห้อหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ได้เงินเดือนและเงินอื่น ๆ รวมเดือนละหลายหมื่นบาท ได้มาติดต่อขอซื้อโทรศัพท์มือถือโดยใช้ระบบผ่อนชำระ โดยผ่อนไปได้เพียงเดือนเดียวก็เอาเงินก้อนมาชำระยอดทั้งหมด ก่อนที่จะมาขอผ่อนไอแพดที่ร้านของตนอีกโดยผ่อนได้เพียงเดือนเดียวก็เอาเงินก่อนมาปิดยอดอีก ตนจึงไว้ใจและเชื่อในเครดิตของ น.ส.มาสิลา ซึ่งขอซื้อผ่อนโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องหนึ่งเป็น ไอโฟน 11 ตนก็ตกลง แต่เป็นจังหวะในช่วงนั้นเป็นช่วงที่โควิดกำลังระบาดร้านส่งตามห้างปิดกันหมด จึงไม่มีเครื่องมาให้ แต่ น.ส.มาลิสา ได้บอกว่าตนเองรู้จักร้านขายส่งโทรศัพท์มือถือ และให้เบอร์โทรศัพท์ให้ตนติดต่อ ตนจึงได้ติดต่อไปจนได้สินค้ามาขายผ่อนใน น.ส.มาลิสา โดย น.ส.มาลิสา ได้โอนเงินดาวน์มาให้ตนเหมือนปกติและให้มารับเครื่องและทำสัญญาซื้อขายที่ร้าน หลังจากนั้น น.ส.มาลิสา ก็ได้ติดต่อเพื่อน ๆ มาซื้อโทรศัพท์ที่ร้านตนโดยเลือกซื้อเฉพาะไอโฟน 11 ซึ่งมีราคาแพงโดยการโอนเงินดาวน์มาให้และมารับเครื่องทำสัญญาซื้อขายกันตอนหลัง และก็มีการแนะนำกันมาเป็นทอด ๆ โดยแต่ละคนขอผ่อนคนละเครื่องสองเครื่องรวมทั้งหมด 27 คน ที่มาขอซื้อมือถือระบบผ่อนไปจำนวน 35 เครื่องภายในเดือนเมษายน รวมเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทโดยทุกคน น.ส.มาลิสา จะเป็นคนค้ำประกันให้ และเป็นคนโอนเงินดาวน์มาให้กับตน หลังจากที่ทั้งหมดได้โทรศัพท์ไปแล้ว เมื่อครบกำหนดต้องชำระค่างวด กลับไม่มีใครผ่อนชำระมาเลย ตนจึงได้โทรศัพท์ไปหาลูกค้าทั้ง 27 คน ปรากฏว่าติดต่อใครไม่ได้เลยทุกคนปิดเครื่องกันหมด ก็เลยมั่นใจว่าเป็นขบวนการแน่นอน
ด้านทนาย ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ได้กล่าวว่า หลังจากที่ผู้เสียหายได้เข้าพบตนเมื่อวานนี้ ตนก็รีบตรวจเช็คข้อมูลและรายละเอียดตัวบุคคลทั้งหมดรวมทั้งเส้นทางการเงินอย่างละเอียดและเชื่อว่า น.ส.มาลิสา น่าจะเป็นตัวการใหญ่ และเอาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดเข้ามาร่วม โดยคนที่ร่วมกระบวนการจะมีการโอนเงินดาวทั้งหมดมาให้กับ น.ส.มาลิสา และ น.ส.มาลิสา ก็จะโอนเงินต่อให้กับทางร้านและผู้ร่วมกระบวนการทั้ง 27 คนก็จะอ้างตัว น.ส.มาลิสา และ น.ส.มาลิสา ก็จะเป็นคนรับรองให้กับบุคคลทั้งหมด ซึ่งนอกจากบุคลเหล่านี้ก็ยังมีคนจะเข้ามาขอผ่อนกับทางร้านอีกหลายสิบคน แต่ทางร้านไม่ให้เพราะทุกคนที่เอาเครื่องไปยังไม่มาผ่อนชำระค่างวดให้ และติดต่อไม่ได้แล้วจึงไม่ยอมให้ จึงรู้ว่าผู้ร่วมกระบวนการทั้งหมดน่าจะร่วมกับ น.ส.มาลิสา เข้ามาหลอกโดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำงานเป็นกระบวนการ ซึ่งเชื่อว่ายังมีผู้เสียที่ถูกหลอกในทำนองเดียวกันอีกหลายคน ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมดกลังก่อเหตุแล้วน่าจะเอาโทรศัพท์มือถือที่ได้ไปขาย ซึ่งเชื่อว่า น.ส.มาลิสา น่าจะเป็นคนวางแผนส่วนผู้ร่วมกระบวนการก็เริ่มดำเนินการตามแผน และเชื่อว่า น.ส.มาลิสา น่าจะได้ในส่วนต่าง เพราะทุกคนโอนเงินผ่านมาทาง น.ส.มาลิสา ให้เป็นคนโอนเงินดาวน์มาให้กับทางร้าน โดยพฤติกรรมเขาจะทำที่ว่า ผิดสัญญาทางแพ่ง ซึ่งตนเชื่อว่าบุคคลเหล่านี้น่าจะรู้กฎหมาย แต่เดี๋ยวนี้มีฎีกาหลายฎีกา ที่ระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการฉ้อโกงโดยเอาสัญญาทางแพ่งมาหลอกลวง ซึ่งจากพฤติกรรมของบุคคลกลุ่มนี้เข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกงระดับแรกเลยบางคนอาจจะเข้าข่ายยักยอก ซึ่งในคดีนี้น่าจะเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจและเป็นภัยสังคมและเชื่อว่าน่าจะเป็นกระบวนการใหญ่ และเชื่อว่าน่าจะไปก่อเหตุทำนองเดียวกันอีกหลายบริษัท และจากพฤติกรรมตรงนี้มีความผิดทางอาญาจากการกระทำของผู้ก่อเหตุจะหลอกเป็นคดีแพ่งโดยการทำสัญญาซื้อโอน พอดาวน์เสร็จแล้วก็ไม่ผ่อน ตรงนี้ถือว่าเป็นภัยสังคมอย่างมาก ซึ่งตนเชื่อว่าบุคคลเหล่านี้น่าจะไปทำกับที่อื่นด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: