เตือนภัย หนุ่มขับกระบะจะกลับบ้านย่านบางบ่อ พอลงสะพานข้ามคลองกาหลง หมู่ 7 ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ด้วยความมืดของถนนทำให้ชนแท่งปูนแบริเออร์ที่วางกันหลุมแนวก่อสร้าง โดยไม่มีการติดป้ายเตือน แต่อย่างใด ทำให้รถได้รับความเสียหาย ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บ
จากกรณีที่ทาง จส.100 ได้นำคลิปอุบัติเหตุจากกล่องหน้ารถยนต์กระบะคันหนึ่งซึ่งขับมาตามถนนหลวงแพ่ง หรือถนนเทพราช-ลาดกระบัง ที่วิ่งระหว่างลาดกระบัง มุ่งหน้าเข้าจังหวัดสมุทรปราการ ช่วงลอยต่อระหว่างศีรษะจระเข้น้อย ขึ้นสะพานข้ามคลองกาหลง หมู่ 7 ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งในช่วงที่เกิดอุบัติเหตุเป็นเวลากลางคืนเวลาประมาณ 5 ทุ่มของวันที่ 1 กันยายน 2563 ตามวันเวลาที่ปรากฏบนคลิป
ข่าวน่าสนใจ:
- ชัยภูมิเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดใหญ่งานวันการศึกษาเอกชนภาคอีสาน!
- กกต.ตรัง พร้อมเปิดสนาม จัดเลือกตั้งอบจ. เปิดยิม 4,000 ที่นั่งรับสมัคร พื้นที่กว้างขวางรองรับกองเชียร์ผอ.กกต.ตรัง เผยการข่าวพบ 3…
- พร้อมรับสมัครเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.พังงา เชิญชวนคนดีมีความสามารถมาสมัคร 23-27 ธันวาคมนี้
- ทนายเกรียง พา สาวนักแข่งรถจักรยานยนต์ทีมชาติไทย แจ้งความดำเนินคดีกับนายกสมาคม ข้อหาหมิ่นประมาท และ พรบ.คอม
วันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุ ได้พบว่าถนนสาดังกล่าวในพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการอยู่ระหว่างการก่อสร้างถนนและสะพานข้ามแยก และมีการวางแท่งปูนแบริเออร์ปิดกั้นแนวก่อสร้างเป็นทางเบี่ยงให้รถสามารถวิ่งผ่านได้เพียงเลนเดียว ส่วนอีกฝั่งสะพานเป็นพื้นที่รับผิดชอบของศีรษะจระเข้น้อย เขตลาดกระบังโดยมีแนวคลองกาหลงเป็นจุดแบ่งเขตระหว่างลาดกระบังและจังหวัดสมุทรปราการ ในระหว่างที่ผู้เสียหายขับรถมาจากลาดกระบังมุ่งหน้าเข้าเขตจังหวัดสมุทรปราการ ก่อนถึงที่เกิดเหตุเป็นสะพานข้ามคลองผู้เสียได้ขับรถขึ้นสะพานซึ่งเป็นทางชันและสูง ทำให้รถเกิดการกระโดดเล็กน้อยซึ่งบนสะพานมีไฟถนนติดอยู่ประมาณ 2-3 ดวงซึ่งก็เห็นเฉพาะบนสะพาน แต่พอลงสะพานมองเห็นไม่ชัดว่ามีแท่งปูนแบริเออร์ตั้งกั้นแนวก่อสร้างถนนที่ขุดจนเป็นหลุมลงไปขนาดใหญ่ ทำให้รถพุ่งชนแบริเออร์อย่างแรงจนหม้อน้ำแตกหน้ารถยุบเสียหายและล้อหน้าข้างขวาได้ตกลงไปในหลุมดังกล่าว ซึ่งในวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีการนำดินลูกรังมาทำการถมปิดหลุมดังกล่าวแล้ว และมีการวางแนวแท่งปูนแบริเออร์ใหม่พร้อมติดตั้งสัญญาณไฟเตือนแนวก่อสร้างแล้ว
นายสมชาติ นินเกร็ด อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จุด สภ.เปร็ง ได้เล่าว่า ในคืนที่เกิดเหตุขณะที่ตนและเพื่อนอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูจุด สภ.เปร็ง กำลังเฝ้าจุดอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ก็ได้เห็นรถกระบะคันดังกล่าววิ่งลงมาจากสะพานที่ทางด้านเลนขวาคาดว่าน่าจะมองไม่เป็นแนวแบริเออร์ที่ปิดกั้นแนวก่อสร้างเอาไว้ เพราะไม่มีไฟสัญญาณเตือนแต่อย่างใด และไฟถนนที่จุดที่มีการก่อสร้างก็ดับ และตรงจุดที่เกิดเหตุเขาขุดลงไปจนเป็นแอ่งน้ำรอที่จะถมลูกรังลงอีกที แล้วเอาแท่งแบริเออร์วางไว้ขอบ ๆ แอ่งน้ำ พอรถคันดังกล่าววิ่งลงมาจากสะพานมาทางด้านเลนขวา และคิดว่าคงไม่ได้เปิดไฟสูง พอลงมาก็เจอแท่งแบริเออร์เลยทำให้หักหลบไม่ทัน ส่วนไฟส่องทางติดเฉพาะบนสะพาน แต่พอลงสะพานมาแล้วไม่ติดและไม่ค่อยสว่าง ทำให้มองไม่เห็นแท่งแบริเออร์เพราะไม่ได้ติดสัญญาณไฟเตือนแต่อย่างใด ส่วนทางขึ้นสะพานมาก็ไม่มีป้ายบอก ส่วนที่เห็นอยู่ในขณะนี้พึ่งนำมาคิดในวันนี้เองและดินก็พึ่งเอามาถมในวันนี้เหมือนกัน ซึ่งในจุดนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อย โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์บางทีปีนขึ้นไปข้างบนเลยเพราะดินมันยังไม่แน่นทำให้รถล้มแต่ก็ไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรง ส่วนหนึ่งก็เกิดจากไฟทางไม่สว่าง ส่วนที่สองน่าจะมาจากทางผู้รับเหมาก่อสร้างไม่มีการติดป้ายเตือนให้ระวัง
ขณะที่นายวิทวัส ผู้เสียหายพูดคุยทางโทรศัพท์ ว่า ในคืนที่เกิดเหตุตนและเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน ได้ไปทำธุระที่ต่างจังหวัดและขากลับได้แวะเอาของมาลงในเขตลาดกระบัง และกำลังขับรถจะกลับบ้านพักที่อยู่ในย่านอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ โดยเส้นทางดังกล่าวตนพึ่งมาใช้เป็นครั้งแรกจึงไม่ทราบว่ามีการก่อสร้างถนนอยู่ และก่อนถึงที่เกิดเหตุก็ไม่มีการติดป้ายเตือนแต่อย่างใด ตนจึงขับมาด้วยความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนมาถึงที่เกิดเหตูซึ่งเป็นสะพานข้ามคลองตนมองไม่ชัดจึงไม่ได้เหยียบเบรก ทำให้รถกระโดดเล็กน้อย แต่พอมาถึงทางลงไฟถนนไม่มีทำให้มองเห็นไม่ชัดเลยมองไม่เห็นว่ามีแนวแท่งปูนแบริเออร์วางอยู่จึงชนเข้าอย่างจังจนล้อหน้าตกลงไปในหลุมส่วนรถหม้อน้ำแตก หน้ารถยุบขับต่อไม่ได้ หลังเกิดเหตุตนได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.เปร็ง เพื่อให้เรียกผู้รับเหมาให้มารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครมาแสดงตัวรับผิดชอบแต่อย่างใด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: