นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาแรงงานชาวเมียนมาร์กว่า 300 คน เดินทางขึ้นโรงพัก หลังแรงงานชาวเมียนมาร์ได้ว่าจ้างให้บริษัทแห่งหนึ่ง ต่อพาสปอร์ต แล้วถูกเชิดเงินค่ารวมกว่า 6 ล้าน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 ตุลาคม 2563 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พาแรงงานชาวเมียนมาร์กว่า 300 คนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ และ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมือง สมุทรปราการ หลังจากที่แรงงานชาวเมียนมาร์ทั้งหมดได้ว่าจ้างให้บริษัท แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ให้ดำเนินการทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่พร้อมต่อวีซ่าประเภท MOU โดยดำเนินการเบ็ดเสร็จทุกขึ้นตอน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยมีการเรียกเก็บเงินรายละ 19,600 บาท รวมเป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าไม่สามารถดำเนินการตามที่กล่าวไว้ได้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งผู้เสียหายได้พยายามติดตามทวงถามมาโดยตลอด แต่ทางบริษัทดังกล่าวอ้างว่า เป็นช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ยังไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ แต่ก็มิได้คืนเงินแต่อย่างใด จนกระทั่งล่าสุดไม่สามารถติดต่อกับทางบริษัทได้ แรงงานชาวเมียนมาร์ซึ่งเป็นผู้เสียหายกว่า 450 คน จึงได้นำหลักฐานทั้งหมดเข้าร้องของความเป็นธรรมและมอบอำนาจให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้เป็นตัวแทนมาแจ้งความร้องทุกข์ และยื่นขอเรียนร้องให้บริษัทฯ ดำเนินการทำเอกสารให้เสร็จภายใน 7 วัน หรือถ้าเอกสารไม่เสร็จก็ขอให้คืนเงินทั้งหมด
หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์เอาไว้ พร้อมประสานพนักงานสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ มาทำการสอบปากคำ เพื่อรวบรวมหลักฐานเข้าขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้าทำการตรวจค้นสำนักงานบุคคล ของบริษัทดังกล่าว ซึ่งทราบว่าตั้งอยู่ในย่านอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
