เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี สมุทรปราการ คุมตัวหนุ่มผู้ต้องหาใช้ปืนบีบีกันจี้ชิงทองในห้างย่านบางพลีไปทำแผน ขณะเดียวกันรองผู้จัดการร้านทอง ชายชุดดำที่ขัดขว้างผู้ต้องหาตอนที่จะหนีออกจากร้าน ได้ออกมาเปิดใจ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรห่วงร้านห่วงของมากกว่า และตอนนั้นได้พลเมืองดีช่วยไว้หลายคน
จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 29 ตุลาคม 2563 นายมงคล ศรีมาตย์ อายุ 26 ปี ได้ใช้อาวุธปืน บีบีกัน แบบแม็กกาซีน สีดำที่ใส่ลำกล้องเก็บเสียง เข้ามาก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านทองเพชรทองใบเยาวราช ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างห้าง โลตัส สาขาโฮมโปบางพลี ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กวาดทองรูปพรรณไปจำนวน 24 เส้นน้ำหนักรวม 98 บาท ยัดใส่ถุงพลาสติกสีขาว ก่อนที่จะปีนตู้โชว์ด้านหน้า วิ่งหลบหนีออกประตูข้างห้างดังกล่าว แต่ไปไม่รอดถูกพนักงานเก็บรถเข็นและ รปภ.ของห้างและพลเมืองดีช่วยกันจับกุมตัวเอาไว้ได้ และจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ นายมงคล ได้ให้การรับสารภาพว่าตกงานและมีคนมาชวนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีแต่ไม่มีเงินค่าเดินทางจึงไปเช่ารถรถยนต์เก๋งมาก่อเหตุเพื่อต้องการนำเงินเป็นค่าเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลี
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ที่ 30 ตุลาคม 2563 พ.ต.อ.พีระศักดิ์ รอดบน ผกก.สภ.บางพลี ร.ต.ท.ภูวิชญพงษ์ ศรีกิจรุ่งเรื่อง รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี ร้อยเวรเจ้าของคดีและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันคุมตัวนายมงคล ผู้ก่อเหตุเดินทางมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังร้านทองที่เกิดเหตุ ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่เข้าไปจับจ่ายใช้สอยภายในห้างดังกล่าวได้มายืนมุงดูการทำแผนเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาในการทำแผนประมาณ 30 นาทีก่อนคุมตัวนายมงคล ผู้ก่อเหตุกลับไปควบคุมตัวที่โรงพัก ส่วนจำนวนทองรูปพรรณที่ถูกก่อเหตุได้รับการเปิดเผยจากพนักงานของร้านทองดังกล่าวว่า เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทจำนวน 8 เส้น หนัก 3 บาท 8 เส้น หนัก 6 สลึง 3 เส้น หนัก 3 สลึง 5 เส้น น้ำหนักรวม 1,098.2 กรัม มูลค่า 2,068,850 บาท (สองล้านหกหมื่นแปดพันแปดร้อยห้าสิบบาท)
นายฉัตรชัย กลอยงาม รองผู้จัดการร้านทองดังกล่าวกล่าว ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนยืนอยู่หน้าตู้โชว์ด้านนอกกำลังเอาเอกสารให้พนักงานในร้านเก็บ อยู่ๆ ชายคนดังกล่าวได้เดินเข้าไปผลักประตูทางเข้าออกของพนักงานในร้านซึ่งอยู่ด้านข้างตู้โชว์ทองเข้าไปซึ่งตอนนั้นตนก็งงมากเพราะไม่รู้จักชายคนดังกล่าว และมองเห็นปืนที่ชายคนดังกล่าวถือเข้าไป แต่พอคนชายคนดังกล่าวเดินเข้าไปผลักพนักงานในร้านให้หลบก่อนปีนขึ้นไปหยิบทองรูปพรรณที่อยู่ในตู้โชว์ทองด้านหลังและปีนตู้โชว์ด้านหน้าเพื่อจะหลบหนี พอตนตั้งสติได้จึงได้เข้ายื้อแย่งทองจากมือคนร้ายเอาไว้จนล้มลุกคุกคลานก่อนที่คนร้ายจะวิ่งหนีออกไปทางประตูด้านข้างของห้างซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหน้าร้านทอง และถูกพนักงานของห้างและ รปภ.รวมทั้งชาวบ้านจับตัวไว้ได้ ยอมรับว่าตอนนั้นที่ตัดสินใจเข้าไปขัดขวงคนร้ายนั้นตนคิดเพียงอย่างเดียวว่าต้องดูแลร้านให้ดี และไม่สมควรที่จะให้คนอื่นมาเอาไป คือตอนนั้นมันคิดไม่ทันยังไงก็ต้องขวางเขาไว้ก่อน ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรห่วงร้านห่วงของมากกว่า และตอนนั้นได้พลเมืองดีช่วยไว้หลายคน
