รอง ผจก.เทสโลตัสเอ็กเพรส สาขาหนึ่ง ร้องสื่อ หลัง ถูกอดีต ผจก.เทสโลตัสเอ็กเพรส สาขาหนึ่ง และพวกรุมทำร้ายถึงในร้าน ผ่านไปเกือบสองเดือนคดีไม่คืบ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 น.ส.วิไลพร รุจิรโรจนกุล อายุ 31 ปี ได้นำคลิปวีดีโอ ในขณะที่ตนเองถูก น.ส.รัชนี บุญตั้งและพวกอีก 4 คนเข้ารุมทำร้ายร่างกายด้วยการเข้าไปตบใบหน้าของตนเองหลายครั้งจนโหนกแก้วทั้งสองข้างเป็นรอยช้ำ ก่อนที่จะถูกจิกผมลากออกไปทำร้ายที่หน้าร้าน เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 2 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ภายในโลตัสเอ็กเพรส สาขาอยู่สุข ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังเกิดเหตุตนได้หอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ โดยที่ตนให้ชื่อและเบอร์โทรศัพท์ผู้ก่อเหตุทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มาจนถึงวันนี้เรื่องก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ตนจึงนำเรื่องเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน เนื่องจากเหตุเกิดนานแล้วและก็รู้ชื่อรู้ตัวผู้ก่อเหตุแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
น.ส.วิไลพร ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนและ น.ส.รัชนี ทำงานอยู่ที่เดียวกัน โดย น.ส.รัชนี มีตำแหน่ง ผู้จัดการสาขา ส่วนตนทำหน้าที่เป็นรองผู้จัดการ ตลอดระยะที่ทำงานด้วยกันมาเกือบ 1 ปี ตนมักจะถูก น.ส.รัชนี กลั่นแกล้งอยู่เสมอ เนื่องจากตนไม่ใช่พรรคพวกของเขา เพราะตนทำงานอยู่ที่โลตัส ดังกล่าวมาก่อนหน้าที่ น.ส.รัชนี และพวกอีก 4 คนจะย้ายมาทำงานที่เดียวกับตนในตำแหน่งผู้จัดการสาขา จนกระทั่งทางบริษัทใหญ่ ได้เชิญ น.ส.รัชนี ออกโดยที่ตนก็ไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้พรรคพวกที่ย้ายมาพร้อมกันอีก 4 คนลาออกตาม น.ส.รัชนี ไปด้วย ก่อนเกิดเหตุ น.ส.รัชนี ได้โพสต์ข้อความท้าทายตนทางไลน์ ซึ่งตนก็ได้โต้ตอบไปว่าไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร ทำให้ น.ส.รัชนี ไม่พอใจเข้ามาด่าท้อตนทางไลน์ส่วนตัว จนกระทั่งในคืนที่เกิดเหตุขณะที่ตนกำลังนั่งจัดสินค้าอยู่ภายในร้าน น.ส.รัชนี และพวกอีก 4 คนได้เดินเข้ามาหาเรื่องตนโดยน.ส.รัชนี ได้เข้ามาเรียกตนให้ออกไปคุยกันหน้าร้านตนเห็นว่า น.ส.รัชนี มีพวกมากพวกมากกว่าจึงไม่ยอมออกไป ทำให้ น.ส.รัชนี ไม่พอใจและใช้นิ้วชี้หน้าก่อนที่จะผลักตนจนล้ม ก่อนที่ น.ส.เมทินี ใคร่บุตร จะเข้ามาทำร้ายตนตบที่ใบหน้าตนหลายครั้ง ก่อนที่ น.ส.อธิลดา สมอุปฮาด จะใช้มือจิกผมตนและลากออกไปรุมทำร้ายที่หน้าร้าน จนมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาห้ามปราม หลังเกิดเหตุตนจึงไปแจ้งความ ที่ สภ.เมือง สมุทรปราการ โดยให้ข้อมูลทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เวลาผ่านไปเกือบสองเดือนเรื่องก็ไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว และยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
