คืบหน้า จากกรณีที่กู้ภัยปอเต็กตึ๊งเข้าไปช่วยคนเจ็บจากอุบัติเหตุ แล้วถูกทำร้าย ล่าสุดอดีตกำนันได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว พร้อมยันไม่ได้รุมทำร้าย
จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ้ง ขณะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์ชนคนเดินเท้าบาดเจ็บและกู้ภัยได้นำคนเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาล ขณะรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีกลุ่มคนที่อ้างตัวว่ารู้จักคนใหญ่คนโตได้เข้ามาพยายามจะเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุ ทางมูลนิธิจึงได้ใช้มือถือถ่ายภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้กับพนักงานสอบสวน สภ.บางพลีน้อย ซึ่งยังเดินทางมาไม่ถึง เนื่องจากที่เกิดเหตุมีทางด้านหญิงคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นกำนันในพื้นที่นั้นออกมาสั่งให้แยกย้ายรถคู่กรณี ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยหวั่นว่าจะมีการทำลายวัตถุพยานและเปลี่ยนตัวคนขับ จนกะทั่งมีกลุ่มวัยรุ่นในที่เกิดเหตุเข้ารุมทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ข่าวน่าสนใจ:
- หนุ่มวัย 21 นัดเคลียร์กับรุ่นน้องวัย 16 แต่คุยกันไม่ลงตัวเกิดชกต่อยกัน ก่อนชักมีดแทงรุ่นน้องดับ
- กกต.ตรัง พร้อมเปิดสนาม จัดเลือกตั้งอบจ. เปิดยิม 4,000 ที่นั่งรับสมัคร พื้นที่กว้างขวางรองรับกองเชียร์ผอ.กกต.ตรัง เผยการข่าวพบ 3…
- เปิดพร่องระบายน้ำเพื่อเร่งไหลลงทะเล รับมืออีกระลอก
- ภาคธุรกิจเอกชนหอการค้าชัยภูมิชี้แนวทางรัฐบาลพลิกวิกฤตเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤตโลก!
ความคืบหน้าล่าสุดในช่วงสายของเรื่องนี้ที่ 16 พฤศจิกายน 2563 . ผู้สื่อข่าวเดินทางไปติดตามความคืบหน้าของคดีที่ สภ.บางพลีน้อย สมุทรปราการ ได้พบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนางสาวสุชาดา อิ่มละเอียด อดีตกำนันตำบลบางพลีน้อย พร้อมด้วยบุคคลที่อยู่ที่เกิดเหตุเข้าให้ปากคำกับกับพนักงานสอบสวนก่อนแล้ว โดยนางกัญญา อิ่มละเอียด (คนใส่หมวกสีน้ำตาล) คนที่ดึงกุญแจรถของเจ้าหน้าที่กู้ภัย ออกมายอมรับว่าตนเองเป็นฝ่ายดึงกุญแจรถจริงสาเหตุ เพราะเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้มาขอถ่ายรูป ตนจึงให้ดับเครื่องยนต์และให้ลงมาถ่ายและยังบอกว่าห้ามเอาไปลงโพสต์อะไร จังหวะนั้นมีการขอคืนกุญแจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนดังกล่าวมีการพูดจาไม่ค่อยดีใส่ อีกทั้งมีการยกมือทำท่าจะตบหน้าตน จนกะทั่งเกิดการชุลมุนกันในที่เกิดเหตุ ส่วนคนที่อ้างว่ามารุมทำร้ายนั้นตนไม่รู้จริง ๆ เพราะตอนนั้นคนเป็นร้อยตนก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ขนาดตนยังบาดเจ็บเลย
นางสาวสุชาดา อิ่มละเอียด (เสื้อลายขาวฟ้าผมหลายสี) อดีตกำนัน ได้เล่าว่า วันเกิดเหตุตนและน้องสาวซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุระหว่างเดินทางไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลบางบ่อ แล้วพบเจออุบัติเหตุดังกล่าวจึงจอดรถและโทรเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือคนเจ็บ ระหว่างนั้นก็ปิดกั้นการจราจรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนรอจนกะทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ้งเดินทางมาถึง ตนจึงให้กู้ภัยเร่งนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ระหว่างนั้นทางด้านกู้ภัยจึงสอบถามถึงความรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษา ตนจึงตอบไปว่าจะรับผิดชอบให้จนกระทั่งมีการนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้ขับขี่ที่ขับรถชนชายชาวพม่านั้นตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่รู้จักคุ้นเคยแต่อย่างใด แค่อยากให้คนเจ็บได้ไปโรงพยาบาลก่อนก็เท่านั้น เพราะก็ช่วยคนมามากมายแต่พอมาเกิดเรื่องแบบนี้ตนคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว
ด้าน ร.ต.อ. พลชัย กุมขุนทด รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางพลีน้อย เจ้าของคดีเปิดเผยว่า คดีนี้แยกเป็นสองคดี คดีแรกเป็นคดีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนคนเดินเท้า ซึ่งในส่วนของคนขับนั้นทราบตัวแล้วและอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนอีกคดีเป็นการทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทั้งสองฝ่ายยังให้การขัดกัน ซึ่งจะต้องมีการสอบปากคำเพิ่มเติมและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: