ไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในวัดอโศการาม หมู่ 2 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 2 หนุ่มกัมพูชาทุบหน้าต่างเข้าไปช่วยคนพิการภายในบ้านออกมา ส่วนแม่ชีเข้าไปช่วยถูกไฟลวกใบหน้า
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ร.ต.อ.คเณศ งามประเสริฐ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนซึ่งอยู่ภายในวัดอโศการาม หมู่ 2 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลตำบลบางปูจำนวน 3 คันและมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านพักชั้นเดียว อยู่ในซอย 8 วัดอโศการาม เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันระดมฉีดน้ำนานกว่า 30 นาที่เพลิงจึงสงบ พบว่าไฟได้เผาผลาญบ้านหลังดังกล่าวจนวอดหมดทั้งหลัง ในที่เกิดเหตุพบว่านางดุษฎี ผาแดง ผู้ที่พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว วัย 57 ปี ซึ่งถูกไฟลวกที่กลางแผนหลังลงมาจนถึงขาทั้งสองข้าง ใกล้กันพบผู้บาดเจ็บถูกไฟลวกอีก 1 รายเป็นแม่ชี ชื่อ แม่ชี ธิตฐากรอง ทรัพย์แก้ว อายุ 61 ปี ถูกไฟลวกที่บริเวณใบหน้าและแขน เจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การช่วยเหลือก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ
จากการสอบถามนางดุษฎี ผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ชาร์จรถ 3 ล้อ ไฟฟ้า ไว้ที่ข้างบ้านก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ ในระหว่างที่ตนกำลังอาบน้ำอยู่ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น จึงได้รีบเปิดประตูออกมาดู พบไฟกำลังลุกไหม้ที่รถสามล้อไฟฟ้าที่ตนเสียบชาร์จเอาไว้ข้างบ้านและเปลวไฟกำลังลุกติดตัวบ้านก่อนลุกลามอย่างรวดเร็ว ตนจึงตะโกนขอความช่วยเหลือจากพระที่มีกุฏิอยู่ใกล้เคียงเอาน้ำมาช่วยกันเอาน้ำมาฉีดและใช้น้ำยาเคมีมาฉีดพ่นสกัดเพลิงแต่เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจึงได้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
ด้านนายรัน อายุ 40 ปี และนายกานต์ อายุ 31 ปี ชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นคนเข้าไปช่วยนางดุษฎี ได้เล่าว่า ในระหว่างที่พวกตนกำลังทำงานอยู่อีกซอยนึง ซึ่งไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก เห็นคนวิ่งตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงได้รีบออกมาดู พบไฟกำลังลุกไหม้บ้านหลังดังกล่าวอยู่ ตนจำได้ว่าคนที่พักอยู่บ้านหลังดังกล่าวเป็นคนพิการเดินไม่ได้ พวกตนจึงรีบวิ่งไปทุบหน้าต่างเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บออกมา โดยมีแม่ชีคอยช่วยฉีดน้ำใส่ตัวของพวกตน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากเครื่องชาร์จรถ 3 ล้อ ไฟฟ้าชำรุดจึงเกิดการช็อตและเกิดเพลิงลุกไหม้ดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
