นายเถลิงยศ บุตุคำ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วยสมาชิกพรรคเพื่อชาติ จำนวน 383 คน จัดเสวนาในหัวข้อ ฟื้นประชาธิปไตยก้าวไปด้วยกัน โดยมีจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นวิทยากร ที่ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิล์ด สำโรง
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 นายยงยุทธ ติยะไพรัช และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะกองเชียร์ ได้เดินทางมาที่ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิล์ด สำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อเป็นวิทยากร เปิดบรรยายในหัวข้อ ฟื้นประชาธิปไตยก้าวไปด้วยกันโดยมีนายเถลิงยศ บุตุคำ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วยสมาชิกพรรคเพื่อชาติ จำนวน 383 คน เข้าร่วมรับฟังการเสวนาในครั้งนี้
ข่าวน่าสนใจ:
- ชายวัย 62 ยืมมอไซค์เพื่อนจะไปรับแฟนมากินข้าวด้วยกัน เกิดเฉี่ยวชนกับรถพ่วงถูกล้อทับดับคาที่
- สูงวัยตรัง ปลื้ม เตรียมตัวรับเงินหมื่น ฝันใช้ยามแก่-ต่อยอดอาชีพบั้นปลาย
- วิกฤตพะยูนตรัง 7 วันสำรวจ พบแค่ตัวเดียว ทดลองวางแปลงอาหาร กลับถูกเมินไม่ยอมกิน
- ค่ายรถยนต์ ผุดบูธเพิ่มช่องทางปั๊มยอดช่วงปลายปี หลังตลาดยังซบยาวต่อเนื่อง
โดยนายยงยุทธ ติยะไพรัช กล่าวว่า ในวันนี้ทางพรรคเพื่อชาติ ได้มีการประชุม ตั่งสาขาของพรรค ซึ่งทางพรรคได้ดำเนินการให้สมาชิกลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกหัวหน้าสาขา โดยในที่ประชุมมีมติเลือกนายชัยวิทย์ พิศาลรวิพงษ์ เป็นหัวหน้าสาขาพรรคภาคกลาง ด้วยคะแนนเสียง 382 เสียง และคณะกรรมการบริหารสาขาอีก 11 คน ทั้งนี้ทางพรรคได้ดำเนินการเปิดสาขาพรรคครบทั้ง 4 ภาค ตามระเบียบข้อบังคับของ กกต.โดยภาคเหนือจัดตั้งสาขาพรรคที่ จ.สุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดตั้งสาขาพรรคที่ จ.อุดรธานี ภาคใต้ จัดตั้งสาขาพรรคที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเตรียมความพร้อมและสถาบันพัฒนาการเมืองพรรคเพื่อชาติ ก็ได้เชิญตนกับนายจตุพร มาเป็นวิทยากร ในการบรรยายถึงเรื่องการเมือง
ซึ่งวันนี้ได้มาเห็นความพร้อมของพรรคและประชาชนที่ได้มาร่วมกิจกรรมทางการเมืองในการพัฒนาประชาธิปไตยก็เห็นว่าเดินไปได้ด้วยดี และวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนไปห่วงเรื่องจะมีการเลือกตั้งกันไหมจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ จะได้เป็น สส.กันหรือเปล่าจะได้ตั้งรัฐบาลกันหรือไม่ แต่อันที่จริงรากเหง่าปัญหาของประเทศที่เราห่วงที่สุดก็คือความขัดแย้งการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราก็ต่อสู้อยู่เสมอว่าการบังคับประชาชนให้เลือกข้าง มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรแล้ว เราต้องร่วมมือร่วมใจกันเพราะแต่ละข้างต่างก็มีศักยภาพในการที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศ ถ้าทุกฝ่ายมายืนอยู่บนเกาะกลางและก็ร่วมมือกันเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาสำคัญของชาติไป เราก็จะได้มอบมรดกดี ๆ เอาไว้ให้ลูกหลานต่อไปในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นความห่วงใย ในเรื่องยั่วยุกัน จริง ๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเพื่อชาติ แต่ว่าเป็นเป็นกระบวนการสำคัญของการเลือกตั้ง ที่มันเป็นการเผชิญหน้าโดยที่ไม่ได้มีการพูดคุยกัน มันเป็นเรื่องที่น่าห่วงใย และมันอาจจะกลายเป็นจุดที่ทำให้เกิดการพลิกผันทำให้การเลือกตั้งอาจจะไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเราพยายามประคับประครองสถานการณ์ต่าง ๆ เอาไว้อันนี้คือความห่วงใยของพวกเรา
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า วิกฤตจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา เพราะฉะนั้นเราควรจะคุยกันทุกฝ่ายไม่ว่าเราจะมีความเชื่อในการเมืองกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นซีกพรรคการเมืองที่มีอำนาจและภาคประชาชน ตกลงเป็นสัญญาประชาคมกันเสีย ต่อมาคือเรื่องจุดยืนทางการเมืองก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง แต่ว่าขั้นตอนแรกแม้ว่าจะมีจุดยืนการเมืองที่แตกต่างกัน ก็ยังสามารถที่จะพูดคุยกันได้ เพื่อที่จะร่วมกันหาทางออกให้กับบ้านเมือง ที่ได้แสดงความเป็นห่วงก็คือว่า เมื่อพรรคหนึ่งเดิน และไปเจอคนต่อต้าน และอีกพรรคหนึ่งก็กำลังจะเดิน ก็จะเป็นสัญญาลักษณ์อีกทางหนึ่ง และจะนำไปสู่ขนมจีนน้ำยา ซึ่งตนก็ไม่อยากที่จะให้บ้านเมืองเรานำไปสู่จุดนั้นกันอีก ความจริงสิทธิเสรีภาพของทุกพรรคการเมือง ควรไปในทุกที่ในประเทศไทยดังเช่นในอดีต แต่ว่าสถานการณ์ที่มันห่วงใยบนเส้นบาง ๆ ของประเทศไทยว่าการเลือกตั้งมันผูกพันกับคำว่าสงบ ไม่สงบก็ไม่เลือกตั้ง เป็นสิ่งที่ผู้นำได้ประกาศกันเอาไว้ เพราะฉะนั้นเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เราดูวิวัฒนาการ ว่ามันจะนำไปสูกระบวนการจัดการ และจะนำพาไปสู่การล้มการเลือกตั้งเมื่อถึงที่สุด โดยไม่จำเป็นเพราะฉะนั้นเราก็เรียกร้องขอความร่วมมือกันว่าเราต่างฝ่ายต่างหลีกเลี่ยงไม่ต้องการจะฟังก็หลีกเลี่ยงกันเสียไม่ต้องการไปพบก็ไม่ต้องไปเจอ และต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่กันด้วยความงดงาม เป็นเสรีภาพที่เกิดขึ้นกันทุกฝ่ายบ้านเมืองก็ตะเดินกันไปได้ และตนเองก็ยังเห็นว่าความจำเป็นยังจะต้องพูดคุยกันอยู่ ทุกฝ่ายไม่ว่าเราจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างไร ปลายทางเป็นเรื่องจุดยืนของใครก็ว่ากันตามอย่างนั้นไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: