น้องชายทำงานย่านทองหล่อติดโควิด ลามมาพ่อที่ป่วยติดเตียงเสียชีวิต ก่อนที่พี่ชายจะเสียชีวิตขณะกักตัวอยู่ในบ้าน ส่วนแม่เจ้าหน้าที่ได้รับตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว เหตุเกิดภายในหมู่บ้านเฟื่องฟ้า 12 ซอยมังกรนาคดี ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 เมษายน 2564 ร.ต.อ.วิโจน์ มูลมานัด รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีชายเสียชีวิตในขณะกักตัวอยู่ในบ้านเลขที่ 88 / 198 หมู่บ้านเฟื่องฟ้า 12 ซอยมังกรนาคดี ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำบลเทพารักษ์ และมูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อเดินทางเข้าตรวจสอบ
ข่าวน่าสนใจ:
- สจ.เปี๊ยกไม่ปลื้ม นายกไก่เปลี่ยนใจยอมสยบฉายแสง สุดท้ายกลายเป็นมาให้กำลังใจ
- กกต.ตรัง พร้อมเปิดสนาม จัดเลือกตั้งอบจ. เปิดยิม 4,000 ที่นั่งรับสมัคร พื้นที่กว้างขวางรองรับกองเชียร์ผอ.กกต.ตรัง เผยการข่าวพบ 3…
- ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา>ชาวพุทธ+ทพ.48 ร่วมทอดผ้าป่า
- ตรัง ชาวบ้านสืบสานอนุรักษ์การปลูกข้าวไร่ไว้กินเองครอบครัวเหลือขาย
บ้านที่เกิดเหตุเป็นบาน 2 ชั้น เจ้าหน้าที่ต้องสวมใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อ PPC อย่างมิดชิดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าตรวจสอบ ที่บริเวณชั้นล่างได้พบร่างของนายนพดล ประโยชน์วิบูลย์ (ขอปิดชื่อ) อายุ 42 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน ซึ่งคาดว่าน่าจะติดเชื้อโควิด 19 เสียชีวิต เนื่องจากก่อนหน้านี้น้องชายที่ทำงานอยู่ในย่านทองหล่อ ได้เกิดล้มป่วยและไปตรวจแลเชื้อโควิดที่โรงพยาบาล ผลออกมาเป็นบวก และได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ทำให้คนในบ้านที่อยู่ด้วยกัน 3 คนต้องกักตัวรอดูอาการอยู่ภายในบ้าน รอเจ้าหน้าที่มารับตัวทั้งหมดไปตรวจหาเชื้อโควิด เนื่องจากเป็นบุคคลสัมผัสเสี่ยงสูง ต่อมาเมื่อวันอังคารที่ 27 เมษายน ที่ผ่านบิดาวัย 60 ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงได้เสียชีวิต ทำให้เหลือผู้กักตัวในบ้านหลังดังกล่าวเพียง 2 คน คือผู้เสียชีวิตและแม่วัย 72 ปี นอนป่วยอยู่ที่เตียงข้าง ๆ เจ้าหน้าที่ได้ทำการแยกตัวผู้เป็นแม่ออกห่างจากตัวผู้เสียชีวิต ก่อนที่จะนำร่างของผู้เสียชีวิตบรรจุลงซองซิปพลาสติกที่สวมทับ สองชั้นป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อก่อนที่มูลนิธิจะทำการเคลื่อนย้ายร่างของผู้เสียชีวิตออกจากบ้านหลังดังกล่าวเพื่อส่งชันสูตร
นายอนันต์ ชานุชิต อายุ 38 ปี เพื่อนบ้านกล่าว่า สำหรับครอบครัวนี้มีด้วยกัน 4 คน โดยลูกคนเล็ก อายุประมาณ 30 ปี ทราบว่าทำงาน อยู่ย่านทองหล่อ กรุงเทพมหานคร โดยจะเดินทางไปมาๆ ที่บ้านหลังนี้บ่อยครั้ง กระทั่งเมื่อวันอังคารที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้เป็นพ่อ วัย 60 ปี และเป็นผู้ป่วยติดเตียงได้เสียชีวิตลง โดยไม่ทราบว่าเสียชีวิตด้วยโรคโควิดหรือไม่ กระทั่งวันพุธที่ 28 เม.ย.ทราบว่า ลูกชายคนเล็กออกมาว่าติดเชื้อโควิด 19 และได้มีรถโรงพยาบาลนำตัวไปรักษาที่ รพ.กล้วยน้ำไท จนวันนี้ลูกชายคนโตมาเสียชีวิตลง ส่วนแม่ของผู้เสียชีวิตวัย 60 ปี ทราบว่ายังนอนอยู่ในบ้าน เพื่อรอเจ้าหน้าที่มารับ
โดยนายสมพร พินิศชูเกียรติ อายุ 46 ปี ซึ่งมีบ้านพักอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านของผู้เสียชีวิต ได้เล่าว่า บ้านหลังดังกล่าวพักอาศัยกันอยู่ 4 คน ร่วมน้องชายที่ติดเชื้อโควิดนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยก่อนหน้านี้ลูกชายคนเล็กของบ้านหลังดังกล่าวได้ทำงานอยู่ในย่านทองหล่อย่านกล้วยน้ำไท และบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อแม่และพี่ชายพักอาศัยอยู่ พ่อเป็นผู้ป่วยติดเตียงมา 3 ปีแล้ว และก็สันนิฐานว่าลูกชายคนนี้น่าจะเชื้อโควิดมาแพร่ที่บ้าน ซึ่งตัวพ่อพึ่งเสียชีวิตเมื่อคืนวันอังคาร และเมื่อเช้านี้เป็นตัวลูกชายคนโตที่เสียชีวิตไปเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ตอนนี้เหลือเพียงแม่คนเดียวที่ป่วยหนักและทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำบลเทพารักษ์พึ่งมารับตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ส่วนตัวลูกชายคนเล็กที่ทำงานอยู่ในย่านทองหล่อได้ไปตรวจหาเชื้อแล้วแต่ผลพึ่งออกเมื่อวันพุธ ว่าเป็นบวกแต่พ่อได้เสียชีวิตไปก่อนแล้วตั้งแต่วันอังคาร ก่อนที่ผลตรวจของลูกชายคนเล็กจะออกมาว่าติดเชื้อ และมาในวันนี้ลูกชายคนโตก็มาเสีย เหลือเพียงแม่คนเดียวที่ตอนนี้อาการหนักไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีอาการไอและเหนื่อย ซึ่งสันนิฐานว่าน่าจะติดเชื้อ และหลังจากที่เจ้าหน้าที่รับตัวคนในบ้านออกไปหมดได้มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้ออีกครั้ง ยอมรับว่ากลัว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีผู้ติดเชื้ออีกรายแต่เอาไปรักษาหายแล้ว แต่หลังนี้น่ากลัวเพราะว่าผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดเชื้อมาก่อน
นายสุทนธ์ วงส์ศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำตำบลเทพารักษ์ ได้กล่าวว่า ก่อนหน้านี้จากข้อมูลพบว่า ลูกชายซึ่งทำงานอยู่ย่านทองหล่อ เดินทางไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ก่อนที่จะเดินทางมากั๊กตัวอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพื่อรอผลต่อมาเมื่อวันที่ 27 เมษายน ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่แล้วได้เสียชีวิตลงโดยไม่ยืนว่าเสียชีวิตจากโควิดหรือไม่ ทางครอบครัวจึงนำร่างไปประกอบพิธีทางสาสนาที่วัดหนามแดง กระทั่งวันที่ 28 เมษายน ทางโรงพยาบาล ได้โทรมาแจ้งผลลูกชายคนเล็กว่าติดเชื้อโควิด และรถของโรงพยาบาลได้เข้ามารับตัวไปรักษาในวันเดียวกัน ทำให้คนในบ้านกลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จึงได้ให้กักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อรอดูอาการและจะประสานรถให้มารับตัวผู้เป็นแม่และลูกชายคนโต ไปตรวจหาเชื้อ กระทั่งเช้าวันนี้ได้รับแจ้งว่า ลูกชายคนโต ซึ่งมีประวัติเป็นโรคหอบ ได้มาเสียชีวิตเพิ่มแต่ยังไม่ยืนยันว่ามาจากการติดเชื้อโควิดหรือไม่ จึงรีบเดินทางมาตรวจสอบ พร้อมกับนำตัวผู้เป็นแม่ไปตรวจหาเชื้อ ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: