พลเรือโท โกวิท อินทร์ พรหม ผู้อำนวยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าจับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 25,000 ลิตร ขณะจอดเทียบท่า อยู่ที่บริเวณท่าเรือทรัพย์สินไทย ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 มิถุนายน 2564 พลเรือโท โกวิท อินทร์ พรหม ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ( ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1 ) พร้อมด้วย นาวาเอก สุระชัย ยงกัน รองผอ.ศรชล.จว.สป. อำนวยการให้ ว่าที่ น.อ.สุรศักดิ์ สิริวัฒนานุสรณ์ หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่สรรพสามิตสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสมุทรปราการ ( สอน-ชล-จังหวัดสมุทรปราการ ) ได้ร่วมกันจับกุม เรือประเภทบำบัดของเสีย ที่ลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซล ซึ่งยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต พร้อมด้วยลูกเรือสัญชาติไทย จำนวน 2 คน ไม่มีเอกสารหลักฐานการเสียภาษีสรรพสามิต และหลักฐานผ่านพิธีการทางศุลกากรมาแสดง ที่บรรทุกน้ำมันในระวาง จำนวน 25,000 ลิตร ขณะจอดเทียบท่า อยู่ที่บริเวณท่าเรือทรัพย์สินไทย ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยได้ควบคุมตัวลูกเรือชาวไทยทั้งสองมาที่สรรพสามิตสมุทรปราการ เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับตาม พรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งนี้สื่อเนื่องเมื่อเวลา 15.00 น.ของวานนี้ที่ 31 พฤษภาคม 2564 พลเรือโท โกวิท อินทร์ พรหม ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้ร่วมกันบูรณาการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสมุทรปราการ นำโดย นาวาเอก สุระชัย ยงกัน รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดสมุทรปราการ ว่าที่ น.อ.สุรศักดิ์ สิริวัฒนานุสรณ์ หน.ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสมุทรปราการ ภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ และสรรพสามิตสมุทรปราการ ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบ เรือ ธนธานี ซึ่งเป็นเรือประเภทบำบัดของเสีย หลังรับแจ้งจากสายลับว่าเรือดังกล่าวมีการลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซล ที่ยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต ที่จอดอยู่บริเวณท่าเรือทรัพย์สินไทย ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
จากการตรวจสอบได้พบว่าในเรือลำดังกล่าวมีลูกเรือชาวไทยอยู่จำนวน 2 คน ในระหว่างบรรทุกน้ำมัน จำนวน 25,000 ลิตร บรรทุกอยู่ในห้องที่ใช้บรรทุกน้ำเสีย ที่ถูกดัดแปลงเป็นถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ และไม่มีเอกสารหลักฐานการเสียภาษีสรรพสามิต และหลักฐานผ่านพิธีการทางศุลกากรมาแสดง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว 2 ลูกเรือ ส่งสำนักงานสรรพสามิตสมุทรปราการ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจทำการเปรียบเทียบปรับตาม พรบ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 เป็นเงินจำนวน 1,787,100 บาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: