ตำรวจสำโรงใต้เร่งไล่ล่าคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ PCX สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนก่อเหตุกระชากสร้อยทอง บริเวณถนนเลียบทางด่วนกาญจนาภิเษก และทางขึ้นสะพานภูมิพล ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
จากกรณีที่ผู้เสียหายที่ใช้เฟซชื่อ Supitchaya Dabngern ได้โพสต์ภาพกล้องวงจรปิดเดียวกัน และมีข้อความว่า เจอคนลักษณะแบบนี้แจ้งเบาะแสมาได้นะคะขอให้กรรมตามมึงทัน ขอให้มึงไม่มีความสุขกับของที่เอาไป ละแวกแถวบางหญ้าแพรก ระวังกันไว้ด้วยนะคะ คนร้ายขับหนีไปทางพระราม 3 ไปออกแถวสาธุประดิษฐ์ระวังกันด้วยนะทุกคน
ซึ่งตามในภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นได้ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาวที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ซึ่งคนขี่ก็เป็นผู้หญิง มาตามถนนเลียบทางด่วน ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง สมุทรปราการ ขณะนั้นได้มีคนร้ายที่สวมเสื้อแขนยาวสีเทาใส่หมวกกันน็อกสีดำแบบเต็มใบขี่จักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไล่ตามหลังมาก่อนขึ้นประกบทางด้านขวาและกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทที่มีพระเลี่ยมทองของผู้เสียหายที่นั่งซ้อนท้ายไป ก่อนที่จะขี่ย้อนศรมาวนขึ้นสะพานภูมิพลมุ่งหน้าไปทางพระราม 3 โดยที่ผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามไปแต่ไม่ ก่อนที่จะนำภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพขณะที่คนร้ายลงมือก่อเหตุและหลบหนีมาโพสต์บนโซเชียล เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย
ล่าสุดในวันนี้ที่ 12 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนนเลียบทางด่วนกาญจนาภิเษก และทางขึ้นสะพานภูมิพล ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งพบว่าเป็นสถานที่ค่อนข้างเปลี่ยวแต่มีรถสัญจรไปมาตลอดทั้งวันไม่ค่อยมีบ้านเรือนประชาชนพักอาศัยอยู่เท่าไหร่ ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุต่างก็ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างไร มีเพียงแต่ทราบข่าวว่าได้เกิดขึ้นดังกล่าวเท่านั้น และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุให้ได้โดยไว้ เนื่องเศรษฐกิจแบบนี้ทุกคนตางก็ไม่คอยจะมีกินและมาถูกก่อเหตุแบบนี้อีก และยังบอกว่าอีกครั้งนี้ไม่ใช้ครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นเหมือนกันแต่ในครั้งนี้ผู้เสียหายบาดเจ็บ
ขณะที่ น.ส.สุพิชญา ดาบเงิน อายุ 24 ปี ผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนและน้องสาวได้พากันขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักแถวบางโปรงเพื่อที่จะนำสินค้าไปส่งให้ลูกค้าในย่านท่าน้ำพระประแดงฝั่งสำโรงใต้ โดยใช้เส้นทางสายในออกมาทางวัดบางหัวเสือจนกระทั่งมาถึงทางแยกที่จะออกซอยวัดบางหญ้าแพรก และสามแยกท่าน้ำพระประแดง โดยที่น้องสาวเป็นคนขี่ส่วนตนนั่งซ้อนท้ายมา ขณะที่กำลังเลี้ยวออกไปทางสามแยกท่าน้ำพระประแดง อยู่คนร้ายซึ่งขี่รถจักรยานยนต์ PCX สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขึ้นมาประกบ ตอนแรกตนคิดว่าเป็นเพื่อนกัน เพราะคนร้าย ใส่หมวกกันน็อก แบบเต็มใบ จึงไม่เห็นใบหน้า และไม่ทันระวัง ก่อนที่คนร้ายจะเอื้อมมือมากระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทและพระเลี่ยมทองจากคอด้านหน้าของตนจนขาดและขี่รถหลบหนีย้อนศรไปขึ้นสะพานภูมิพล น้องสาวตนได้ขี่รถไล่ตามไปแต่ไม่ทันคาดกันในจังหวะที่คนร้ายขี่ขึ้นสะพานภูมิพล หลังเกิดเหตุตนได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ และเจ้าหน้าที่ได้มีการติดต่อรายงานความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายมาแจ้งให้ตนทราบตลอดเวลา ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างไล่กล้องวงจรปิดติดตามเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี
ด้าน พ.ต.อ. จักรพงศ์ นุชผดุง ผกก.สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ ได้กล่าวว่า สำหรับในคดีนี้ หลังทราบเรื่องได้สั่งการณ์ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งแกะรอยและหาข้อมูลของผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนี พบว่าหลังก่อเหตุคนร้ายได้ขี่ขึ้นสะพานภูมิพลไปลงพระราม 3 ซึ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องทำหนังสือไปขอดูกล้องวงจรปิด ทำให้การแกะรอยล่าช้า แต่เชื่อว่าจากหลักฐานการก่อเหตุทั้ง 2 ครั้งที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันทั้งจากพฤติกรรมและรถที่คนร้ายใช้เป็นรุ่นเดียวกันรูปร่างลักษณ์ของผู้ก่อเหตุตรงกันจึงเชื้อว่าน่าจะเป็นคนร้ายคนเดียวกันที่ลงมือก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้ผลการสืบสวนมีความคืบหน้าไปมากแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในเร็ว ๆ นี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: