นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานในการประชุมวางแผนเตรียมขนย้ายสารเคมี เหลืออยู่ในถังกักเก็บของ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด เพื่อไปทำลาย
เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายวันชัย คงเกษม ผวจ.สมุทรปราการ ได้เป็นประธานประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปแนวทางการกำจัดสารเคมีที่หลงเหลืออยู่ในถังกักเก็บของ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ที่เกิดระเบิดขึ้น พร้อมประเมินความเสี่ยงรอบด้านเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมงก่อนที่เปิดแถลง คืบหน้าผลการดำเนินงาน
ข่าวน่าสนใจ:
- ครัวคุณต๋อยยกทัพ บุกขอนแก่น จับมือศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น ขนร้านอาหารชื่อดังนับร้อย มาเสิร์ฟสายกิน 11 วันเต็ม 14 - 24 พ.ย.นี้
- สุดยอดงานกฐินบุญต่อชีวิตคน พระอาจารย์เขียวทอดกฐินสามัคคีจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินและอุปกรณ์ทางการแพทย์มุลค่ากว่า5ล้านบาท
- โครงการคุ้มครองเด็กเพื่อความปลอดภัยจากสื่อออนไลน์
- ตรัง การแข่งวิ่งสุดสยองชวนขนหัวลุก "วิ่งหนีเมรุ" ทำถึงธีมผีจัดเต็ม นักวิ่ง 300 คนร่วมวงหลอน
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้สรุปผลการดำเนินการว่า ขณะนี้เพลิงสงบโดยสิ้นเชิงแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 7 กรกฎาคมผ่านมาได้ลำเลียงสาร Deha หรือสารดี 5 กว่า 600 ลิตร ใช้กำลังคนลำเลียงขึ้นไปเทใส่ปล่องเหนือถังเก็บสารเคมีสไตรลีน เพื่อแปรสภาพและควบคุมไม่เกิดปฏิกิริยาความร้อน และเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสารเคมีทั้งหมดทั้งในและนอกถังสามารถจัดการได้เรียบร้อย จึงได้มีการจัดประชุมรวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวของ เพื่อวางแผนขนถ่ายสารเคมีทั้งหมดไปทำรายที่ บริษัทมหาชน จำกัด อัคคีปราการ ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ให้ปลอดภัยที่สุด ส่วนแผนการดำเนินการนั้น ต้องรอผลและเงื่อนไข ระหว่าง บริษัท ผู้รับจัดการ และ บริษัท ผู้ว่าจ้างคือ บริษัท หมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ต้องเป็นผู้ทำสัญญาก่อนที่จะมีการพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตามจากเหตุนี้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง และทำให้บ้านเรือนบางหลังได้รับสายหาย ทางศูนย์อพยพยังต้องเปิดอยู่ โดยมีทั้งหมด 4 ศูนย์ และยังมีผู้พักอาศัยอยู่จำนวน199 คน ส่วนชาวบ้านซึ่งอยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตรนั้นยังคงประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุมไปยังไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้
นาย ศุภวัฒน์ คุณวรวิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารบริษัทมหาชน จำกัด อัคคีปราการ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการขนถ่ายสารสไตลีน ออกจากพื้นที่นั้น รถที่ใช้จะต้องเป็นรถ ไอโซ แทงค์ขนาดความจุ 24 คิว โดยพื้นที่ในแท้ง จะต้องมีระบบเซฟตี้วาร์วและป้องกันการปนเปื้อนของออกซิเจน ทั้งนี้จาการสำรวจแท้งกับเก็บสารสไตลีนนั้น พบว่า มีทั้งหมด 5 ตัว แต่มี 2 ตัวที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ คือวาล์วเข้าและออก โดยการถ่ายนั้นจะต้องใช้ระบบดูดเพื่อลดความเสี่ยง และต้องนำรถไอโซแทงค์ เข้าไปใกล้บริเวณถังกับเก็บให้มากที่สุด สำหรับสารสไตลีนที่อยู่ในถังเก็บนั้น คาดว่าขณะนี้ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ปัญหาคือหากอุณหภูมิเกิน 45 องศา ขึ้นไป และไปทำปฏิกิริยากับ ออกซิเจนเมื่อไหร่ อาจจะเป็นอันตราย ดังนั้นการขนย้าย ไปที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปู จำเป็นต้องใช้ความระวัง และรถเคลื่อนย้ายทุกคันต้องมีระบบจีพีเอสติดตาม โดยการวิ่งตามที่กฎหมายกำหนดคือไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขั้นต้นทราบว่า สารสไตลีนนั้นมีอยู่ประมาณ 600 ตัน หรือประมาณ 6 แสนลิตร เบื้องต้นหากไม่มีปัญหาอะไรอาจจะใช้เวลาขนย้ายประมาณ 10 วัน ทั้งนี้หากทดลองแล้วไม่มีปัญหาและความเสี่ยง ก็สามารถลดระยะให้กระชับขึ้นได้อย่างน้อยไม่เกิน 5 วัน ส่วนในการกำจัดต้องนำไปเผาในเตาอุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาขึ้นไป เท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถส่งแผนการดำเนินการให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ภายใน 1 สัปดาห์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: