ไฟไหม้เพิงพักชายพิการขาถูกไฟครอกดับคากองเพลิง ขณะที่เพื่อนบ้านระบุว่าน่าจะจุดไฟเผาตัวเอง เนื่องจากเคยพยายามผูกคอตายมาแล้วถึง 2 ครั้ง หรืออาจจะจุดยากันยุงแล้วล้มไปลุกไหม้กองขยะแล้วหนีไม่ทัน ขณะที่ตำรวจเผยต้องรอการสอบสวนถึงจะระบุได้
เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 11 สิงหาคม 2564 พ.ต.ท.วุฒิ พุฒิพานนท์ สารวัตรสอบสวน สภ. เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน และมีผู้เสียชีวิต ภายในซอยพร้อมนิมิตร ใต้ทางด่วนกาญจนาภิเษก หมู่ที่ 1 ต.เมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งพร้อมรถดับเพลิงจากเทศบาลบางเมือง จำนวน 3 คัน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ และสมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นเพิงพักริมบ่อน้ำ ได้พบเพลิงกำลังลุกไหม้เพิงพักหลังดังกล่าวอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่พักใหญ่เพลิงจึงสงบ ในกองเพลิงพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นชายสภาพถูกไฟไหม้ดำเป็นตะโก ชื่อนายนพพร มั่งมี อายุ 65 ซึ่งเป็นผู้พิการถูกตัดขา ในที่เกิดเหตุยังพบรถวิวแชร์และรถจักยานสามล้อคนพิการถูกเผาอยู่ในกองเพลิงเพลิงด้วยจำนวน 2 คัน
จากการสอบถามเพื่อนบ้าน ได้เล่าว่า ผู้ตายพักอยู่ที่เพิงดังกล่าวมานานแล้ว และเป็นผู้พิการถูกตัดขาเนื่องจากป่วยเป็นเบาหวานมานานหลายปีแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงโควิดก็เลยไม่มีใครเข้าไปหาผู้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนนอนหลับอยู่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเนื่องจากมีควันไฟลอยฟุ้งเข้าไปในบ้านจำนวนมาก จึงได้ลุกขึ้นมาดูได้พบเห็นไปกำลังลุกไหม้เพิงพักหลังดังกล่าวอย่างรุนแรง จึงรีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถดับเพลิง ส่วนสาเหตุตนคิดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะจุดไฟเผาตัวเอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่นานผู้ตายเคยพยายามผูกคอมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่มีชาวบ้านมาเห็นและช่วยไว้ทัน ขณะที่เพื่อนบ้านอีกรายระบุว่าสาเหตุน่าจะมาจากที่ผู้ตายจุดยากันยุง และล้มใส่กองขยะที่ผู้ตายวางสุมไว้ในบ้านจำนวนมากจนเกิดไฟลุกไหม้และผู้ตายหนีไม่ทันเพราะพิการเหลือขาเพียงข้างเดียวจึงถูกไฟครอกเสียชีวิต
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้เกิดจากการจุดไฟเผาตัวเอง หรือจุดยากันยุงและล้มไปลุกไหม้กองขยะใกล้เพิงพัก หรืออาจจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง ส่วนร่างผู้เสียชีวิตได้มอบให้มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ นำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาสมุทรปราการ และจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
