นายธนวัฒน์ รวงผึ้ง อดีตพระเอกลิเกเงินล้าน สู้โควิด 19 ไลฟ์สดผ่านร้องเพลงแลกค่าพวงมาลัยและขายเครื่องสำอางค์ โดยจะไลฟ์สด ทุกศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เมื่อมีคนโอนค่าพวงมาลัยมา ครึ่งหนึ่งก็เป็นค่าน้ำค่าไฟ อีกครึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน
นายธนวัฒน์ รวงผึ้ง อายุ 55 ปี อดีตพระเอกลิเกเงิน เจ้าของร้านอาหาร ลิเกรำ ส้มตำทอด ซึ่งเคยเปิดอยู่ข้างที่ทำการ อบต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้เปิดใจว่าก่อนหน้านี้ หลังจากที่การแสดงลิเก งานเริ่มน้อยลง ก็เลยตัดสินใจหันมาเปิดร้านอาหารอีสานประเภทส้มตำประยุกต์ เป็นส้มตำทอด โดยแต่งชุดลิเกออกมาเสิร์ฟอาหาร ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี แต่ต่อมาต้องหยุดกิจการ เนื่องจากเจ้าของที่เขาเอาที่คืน และเป็นจังหวะที่ช่วงโควิดระบาดพอดี ก็เลยหยุดกิจการมานานกว่า 3 ปีแล้ว ทุนรอนที่เก็บสะสมมาก็เริ่มเหลือน้อยลงทุกวันแทบจะไม่เหลือแล้ว จะหันไปค้าขายอีกก็ไม่รู้จะขายอะไรเพราะบ้านเมืองเรายังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน จึงหันมาปรึกษากับลูกชายและคนในครอบครัวว่าจะฟื้นฟูอาชีพเก่าที่เคยแสดงลิเกและอยู่ในระดับแนวหน้า แต่ต้องใช้วิธีการที่ทันสมัยไม่เสี่ยงต่อการแพร่กระจ่ายเชื้อโควิด 19 จึงได้ชักชวนกันมาแต่ชุดเล่นลิเกและร้องเพลง ผ่านทางไลฟ์สดบนโซเชียล โดยอาศัยลูกค้าเก่าที่เคยติดตามกันมาแลกกับสินน้ำใจค่าพวงมาลัยผ่านโลกโซเชียล พร้อมกับไลฟ์สดขายผลิตภัณฑ์สบู่บ้าง น้ำพริกบ้าง เพราะงานกลางแจ้ง ทุกคนถูกตัดทั้งหมด ช่วงโควิดรวมกลุ่มกันไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้เลย
ข่าวน่าสนใจ:
- ระทึก เพลิงไหม้บ้าน 2 ชั้นวอดทั้งหลัง น้องแมว 7 ชีวิต รอดตายหวุดหวิด โดย 3 ตัวโดนไฟลวกบาดเจ็บ
- ชาวบ้านยังผวา บ้านสไลด์ตกน้ำบางปะกงตามกัน ไม่กล้าออกไปทำกิน
- DSI ร่วมบริจาคน้ำดื่มให้ท่านจุฬาราชมนตรี เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
- เปิดบริการแล้ว MFU Wellness Center มฟล. ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรแห่งภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
นายธนวัฒน์ อดีตพระเอกลิเกเงินล้านได้เล่าต่อว่า อาชีพลิเกในปัจจุบัน ส่วนมากหันมาจับไมค์ร้องเพลง เพื่อแลกมาลัยจากคนทางบ้าน ด้วยการโอนเงินเข้ามา ถือเป็นน้ำใจตอบแทน ให้เรามีเงินได้ซื้อข้าวกิน บางวันก็แต่งชุดลิเกร้องเพลงบ้าง บางวันก็แต่งตัวธรรมดา บางคนก็ร้องเพลงไปขายน้ำพริก ขายหมูกระจก ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย บางท่านก็ส่งของปันสุขมาให้ มีทั้งมาม่า ข้าวสาร ปลากระป๋อง และยังมีลิเกที่ตกทุกข์ได้ยาก ลำบากมากกว่าเราก็ยังมีอยู่มาก
ส่วนครอบครัวตนมีบริษัทสนับสนุนให้ช่วยขายสบู่ล้างหน้าอยู่แล้ว ก็นำมาขาย กำไรเขาก็ให้เรา ถ้าใครจะให้ขายอะไรผมก็ขายให้ ไม่ได้คิดค่าโฆษณา เพียงแต่ให้เรามีกำไรบ้าง เพื่อเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เนต ค่าข้าว บ้างก็พอ โดยจะไลฟ์สด ทุกศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เมื่อมีคนโอนค่าพวงมาลัยมา ครึ่งหนึ่งก็เป็นค่าน้ำค่าไฟ อีกครึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน เราเกิดมาจากลิเก เรารักลิเก เราเป็นลิเก ลูกพ่อแก่เดียวกัน เรามีกินก็เพราะลิเก แต่ช่วงนี้โควิดระบาด ใครจะมาที่บ้านก็ขอให้โควิดซาไปก่อน บ้านผมมีข้าวให้กิน มีที่ให้นอน แต่ไม่มีเงินให้ใช้ ไม่มีเงินให้ยืม และก็อยากให้ภาครัฐยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบ้าง อาชีพลิเก เป็นศิลปะของไทยจะอยู่กันอย่างไร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: