เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านภายในชุมชนตรอกถ่าน ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โชคดีดับเพลิงสกัดไฟไว้ได้ทัน ทำให้เสียหายไปเพียงแค่ 3 หลังคาเรือน คาดไฟฟ้าลัดวงจร
เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 31 สิงหาคม 2564 พ.ต.ท.สุนทราพร จาตูม สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ บ้านเรือนประชาชน ภายในชุมชนตรอกถ่าน ใกล้กับหอชมเมือง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้ง จึงรถดับเพลิงเทศบาลนครสมุทรปราการ และใกล้เคียง จำนวนหลายคัน เดินทางเข้าตรวจสอบ
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง ชาวบ้านสืบสานอนุรักษ์การปลูกข้าวไร่ไว้กินเองครอบครัวเหลือขาย
- ทนายเกรียง พา สาวนักแข่งรถจักรยานยนต์ทีมชาติไทย แจ้งความดำเนินคดีกับนายกสมาคม ข้อหาหมิ่นประมาท และ พรบ.คอม
- หนุ่มวัย 21 นัดเคลียร์กับรุ่นน้องวัย 16 แต่คุยกันไม่ลงตัวเกิดชกต่อยกัน ก่อนชักมีดแทงรุ่นน้องดับ
- ศค.จชต. สร้างการรับรู้สัญจร เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการศึกษา “เรียนดี มีความสุข”…
ที่เกิดเหตุเป็นชุมชนแออัดขนาดใหญ่มีบ้านไม้ปลูกสร้างติดกันหลายสิบหลัง ได้พบแสงเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ บ้านเลขที่ 50 ซึ่งอยู่กลางชุมชนก่อนลุกลามไปลุกไหม้บ้านข้างเคียงที่อยู่ติดกัน เปลวเพลิงได้ลุกโหมอย่างรุนแรงชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงต่างพากันขนข้าวของมีค่าและสัตว์เลี้ยงหนีตายออกมาด้านนอกชุมชน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต่างช่วยกันลากสายเข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ขยายเป็นวงกว้างใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ พบว่าไฟได้ลุกไหม้บ้านเรือนไปจำนวน 3 หลังที่อยู่ติดกัน ในที่เกิดเหคุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
นางอัญชลี เขมะรัตนา อายุ 60 ปี ได้เล่าว่า บ้านต้นเพลิงเป็นบ้านของนายทนง แก้วช่วย ซึ่งเป็นลูกชายตนซึ่งทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำ โดยก่อนเกิดเหตุนายทรง ได้ออกมานั่งกินข้าวอยู่ที่บ้านตนซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตร ในบ้านที่เกิดเหตุไม่มีใครอยู่ ระหว่างที่นั่งกินข้าวกันอยู่ได้มีคนวิ่งออกมาบอกว่าไฟไหมบ้านของลูกชายตน ลูกชายจึงรีบวิ่งไปดูพบกลุ่มควันและแสงเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านตน โดยมีชาวบ้านได้ช่วยกันเอาถังเคมีดับเพลิงมาช่วยกันฉีดสกัดเพลิงและเอาถังตักน้ำมาสาดแต่ไม่สามารถสกัดเพลิงเอาไว้ได้ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยประสานรถดับเพลิงมาช่วยกันดับไฟดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรเนื่องจากชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนเก่าแก่ และขณะเกิดเหตุบ้านที่เป็นต้นเพลิงก็ไม่มีใครอยู่อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: