X

พระวัดบางบ่อระทมน้ำท่วมวัดสูงเกือบถึงเอว ชาวบ้านและพระเดือดร้อนขนของหนีน้ำจ้าละหวั่น

พระวัดบางบ่อระทมน้ำท่วมวัด โรงเรียนและชุมชน สูงเกือบถึงเอว ชาวบ้านและพระเดือดร้อนเร่งขนข้าวของหนีน้ำกันอย่างจ้าละหวั่น จากการสอบถามชาวบ้านเล่าว่าปกติน้ำจะท่วมทุกปี แต่ไม่เคยสูงเท่านี้มาก่อน ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงชลประทานชนหารพิจิตร กล่าวว่า ได้เดินเครื่องสูบน้ำเต็มกำลังเกือบทุกตัว ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งความสามารถสูบน้ำได้เฉลี่ยวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในส่วนของประตูน้ำไม่สามารถทำงานได้เต็มที่เนื่องจากน้ำทะเลขึ้นลงสองช่วงเวลาที่ไม่เท่ากันในแต่ละวัน และประมาณน้ำฝนในแต่ละวันสูงเกือบ 2 เท่าตัวในการระบาย ทำให้น้ำระบายได้ช้า คาดการณ์หากไม่มีน้ำฝนลงมาลงมาเติม สามารถระบายน้ำให้กลับสู่ภาวะปกติภายใน 2 วัน

เมื่อช่วงสายของวันนี้ที่ 10 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ชุมชนวัดบางบ่อ หมู่ 3 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งว่าน้ำในคลองสำโรงเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมวัดบางบ่อ โรงเรียน และชุมชนซึ่งหน้าวัดบางบ่อ มีระดับน้ำท่วมสูงถึงเอวโดยเฉพาะภายในโรงเรียนและวัดบางบ่อ ส่วนบนถนนมีปริมาณน้ำสูงเกือบ 50  เซ็นติเมตร รถเก๋งไม่สามารถผ่านได้ ต้องเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่หรือกระบะยกสูงเท่านั้นขณะที่  ชาวบ้านบางรายอพยพหนีน้ำที่มาพร้อมกับปลิง ไปอาศัยอยู่บ้านญาติพี่น้อง แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเด็กและคนชรา ที่จะอพยพกันแต่ละทีก็ลำบาก เพราะไม่มีเรือ ต้องอาศัยภาชนะ หรือกาละมังขนาดใหญ่ บรรทุกสัมภาระ คนสูงอายุและเด็กออกจากพื้นที่ ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า  น้ำท่วมทุกปี แต่ปีนี้ท่วมหนักที่สุด เพราะระดับน้ำในคลอง มีระดับน้ำที่สูงล้นตลิ่ง เมื่อมีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำจึงไม่มีที่จะระบาย

ขณะที่ภายในวัดบางบ่อ ซึ่งด้านหลังติดกับคลองสำโรง ก็มีน้ำท่วมทั่วทั้งวัด รวมทั้งถนนหน้าวัด และชุมชน ก็มีระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 50 เซ็นติเมตร ชาวบ้านตางหากระสอบทราย มากันคลื่นน้ำที่เกิดจากรถยนต์ขนาดใหญ่วิ่งผ่าน ไม่ให้เข้าบ้านที่อยู่อาศัย และภายในโรงเรียนวัดบางบ่อ มีน้ำท่วมทั่วบริเวณโรงเรียน และสูงกว่าระดับเอว

ด้านนายวิรวัฒน์  ผสมทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงชลประทานชนหารพิจิตร ซึ่งดูแลรับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า เรื่องการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะคลองสายหลัก อย่างคลองสำโรง คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต เชื่อมต่อคลองด่าน คลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ การสูบน้ำชลหารพิจิตรมีเครื่องสูบน้ำทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวมแล้ว 80 เครื่อง มีประตูระบายน้ำลงสู่ทะเล 2 จุด  ปัจจุบันได้เดินเครื่องสูบน้ำเต็มกำลังเกือบทุกตัว ตลอด 24 ชั่วโมง  มีบางตัวที่ต้องไว้ใช้สำรองเวลามีตัวอื่นเสียเพราะใช้งาน 24 ชั่วโมง ซึ่งชลหารพิจิตรมีขีดความสามารถที่จะสูบน้ำได้เฉลี่ยวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ล่าสุดวันนี้สูบไปแล้วกว่า 26 ล้านลูกบาศก์เมตร ในส่วนของประตูระบายน้ำลงสู่ทะเลนั้นไม่สามารถทำได้เต็มที่เนื่องจากน้ำทะเลขึ้นลงสองช่วงเวลาที่ไม่เท่ากันในแต่ละวัน  ปัญหาที่พบคือประมาณน้ำจากน้ำฝนในพื้นที่ ที่ตกลงมาอย่างหนักเฉลี่ยแล้วประมาณ 200 มิลลิเมตรต่อวัน ทำให้มีประมาณน้ำในพื้นที่สูงเกือบ 2 เท่าตัวในการระบาย เทียบง่าย ๆ เฉลี่ยต่อวันที่สูบได้คือ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่น้ำมีมากกว่า 2 เท่า จึงทำให้น้ำระบายได้ช้าอย่างที่เห็น คาดการณ์หากไม่มีน้ำฝนลงมาลงมาเติม ก็จะสามารถระบายน้ำให้กลับสู่ภาวะปกติภายใน 2 วัน แต่หากมีน้ำฝนตกลงมาเพิ่มอีกก็จะยืดเวลาการระบายน้ำออกไปอีก ชลหารพิจิตไม่ได้นิ่งนอนใจในการระบายน้ำ ที่ผ่านมาพยายามระบายน้ำจากคลองธรรมชาติให้ได้มากที่สุด แต่ติดปัญหาเรื่องของทางน้ำที่มีสิ่งกีดขวางทางเดินน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบุกรุกทางน้ำ ผักตบชวาที่หนาแน่น รวมถึงขยะต่างๆ ทำให้การพร่องน้ำทำได้ยากลำบาก  ขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำช่วยในการระบายน้ำแล้ว 7 จุด 2 จุดหลักคือสะพานข้ามคลองสำโรงใกล้ โรงพยาบาลบางบ่อ และบริเวณที่ว่าการอำเภอบางบ่อ ทั้งนี้พื้นที่ของบางบ่อและบางเสาธงที่กำลังเจอน้ำท่วมในขณะนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำอีกทั้งมีมวลน้ำจากรอบนอกของจังหวัดข้างเคียงที่ไหลลงสู่พื้นที่ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมสูง ขณะที่สถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ ต่างก็เร่งเดินเครื่องเต็มที่สูบระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างเต็มกำลัง

แขวงการทางชี้แจงปัญหาน้ำทะลักเข้าท่วมบนถนนเทพรัตน หรือถนนบางนาตราด ช่วงกม29-30 เขตบางบ่อ มวลน้ำจากทุ่งกว้างรอบพื้นที่ประกอบกับน้ำคลองหนุนและเอ่อล้น ทำให้มีน้ำสะสมในจุดดังกล่าวซึ่งเป็นแอ่งกระทะ ตั้งแต่ตีสองที่ผ่านมา แขวงการทางประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงที่จะท่วมทางจึงเร่งให้เจ้าหน้าที่นำกระสอบทรายไปวางกั้นน้ำในจุดเสี่ยง แต่กลับพบว่ามีชาวบ้านบางคน พายเรือออกมาลักลอบขนกระสอบทรายที่วางกั้นน้ำไม่ให้นำท่วมถนนสายหลักซึ่งจะกลายเป็นผลกระทบในภาพรวม การถูกขโมยกระสอบทรายไปนั้น ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมถนนในจุดดังกล่าว ดั่งปรากฏภาพตามออนไลน์ จึงอยากวอนชาวบ้านอย่าเพิ่งมาขโมยกระสอบทรายที่กั้นริมถนนดังกล่าว ในช่วงนี้

ขณะที่ผมตรวจสอบเส้นทางล่าสุดแจ้งว่า ระดับน้ำลดเหลือประมาณ 10-15 เซนติเมตร รถเล็กผ่านได้แต่เคลื่อนตัวช้า ในส่วนของถนนปานวิถีมุ่งหน้าคลองด่าน มีบางจุดที่ท่วม ประมาณ 5-10 เซนติเมตร รถเล็กผ่านได้ ส่วนถนนสุขุมวิทสายเก่าน้ำลดกลับสู่ภารวะปกติแล้ว โดยแขวงการทางได้ระดมเครื่องสูบน้ำเร่งระบายและเตรียมพร้อมสำหรับคืนนี้แล้วเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา และขอฝากเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ริมคลองหลักอย่าชะล่าใจปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มสูงขึ้นขอให้ประชาชนเตรียมขนย้ายสิ่งของและเฝ้าระวังสูงสุด

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน