X

ผบ.ตร.รุดแถลงผลการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนกว่า 1 ล้านลิตรที่สมุทรปราการ

พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางแถลงข่าวผลการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนกว่า 1 ล้านลิตร พร้อมลูกเรืออีก 8 คน ที่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 15 ตุลาคม 2564 พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สมควร  พึ่งทรัพย์ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ นายพชร อนันตศิลป อธิบดีกรมศุลกากร นายลวรรณ  แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต  ครูวัฒนเศรษฐ์ รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ได้ร่วมกันเดินทางมาตรวจสอบผลการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลเถื่อนจำนวนกว่าหนึ่งล้านสองแสนลิตร ที่จอดลอยลำอยู่ที่บริเวณปากอ่าวแม่น้ำเจ้าพระยาจังหวัดสมุทรปราการ ชื่อเรือ MITA 1 โดยจับกุมได้พร้อมลูกเรืออีกจำนวน 8 คน และมีนายนิมิตร์ เพชรรัตน์ เป็นกัปตันเรือลำดังกล่าว โดยจับกุมเรือลำดังกล่าวได้ในขณะแล่นอยู่ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ใกล้กับเกาะกูด จังหวัดตราด

ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.สมควร  พึ่งทรัพย์ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบนำเข้าน้ำมันชนิดดีเซลผิดกฎหมายมาจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย ทางด้านพื้นที่ปากอ่าวจังหวัดตราด จึงร่วมกับกรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต วางแผนเข้าจับกุม จนกระทั่งในวันที่ 14ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำได้นำเรือตรวจการณ์ออกลาดตระเวนพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ใกล้กับเกาะกูด จังหวัดตราด และได้พบเห็นเรือบรรทุกน้ำมันที่ชื่อ MITA 1 กำลังแล่นกลับมาในประเทศไทย จึงได้เข้าตรวจสอบ ได้พบว่าเรือลำดังกล่าวมี นายนิมิตร์  เพชรรัตน์ เป็นกัปตันเรือ และมีลูกเรืออยู่จำนวน 8 คน จากการตรวจสอบในระวางเรือได้พบน้ำมันดีเซลบรรจุอยู่กว่า 1,200,000 ลิตร  จึงขอตรวจสอบเอกสารการได้มาของน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว และเอกสารทะเบียนเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ ซึ่งทางกัปตันไม่สามารถนำมาแสดงได้ จึงเชื้อว่าน้ำมันที่ตรวจพบเป็นน้ำมันเถื่อนที่ลักลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้ควบคุมเรือลำดังกล่าวเข้ามาจอดทอดสมอที่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ และจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่าได้ไปรับน้ำมันมาจากประเทศกัมพูชา ผ่านเข้ามาทางด้านเกาะกูด จังหวัดตราด เพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศไทย

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่เรือลำดังกล่าวบรรทุกมาพบว่าเป็นน้ำมันดีเซลซึ่งมีค่าสารมาร์คเกอร์ ที่มีความเข้มข้น 31 ซึ่งสารมาร์คเกอร์ดังกล่าวใช้สำหรับเติมน้ำมันส่งออกไปต่างประเทศ และได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต เมื่อนำออกไปแล้วจะไม่สามารถนำกลับเข้ามาในราชอาณาจักรได้อีก หากนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ถือว่าเป็นการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 242 ข้อหา ผู้ใดนำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีกี่ศุลกากร ต้องระหว่างโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมคาอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ริบของนั้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่  และมีความผิดตาม  พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 204 ( 1 )  ข้อหา มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่เสียภาษีเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับเป็นเงิน 5-15 เท่าของภาษีต้องเสียหรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 242 ถือเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน