หนุ่มโรงงานผลิตท่อเหล็กถูกนักเลงเจ้าถิ่นยกพวกกว่าสิบคนซึ่งทำงานอยู่บริษัทเดียวกันดักทำร้าย โดยการถีบรถล้มใช้มีดดาบฟันซ้ำ เหตุเกิดบริเวณกลางสะพานข้ามคลองในซอยโตโย ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ
เมื่อช่วงเย็นของวันนี้ที่ 15 ตุลาคม 2564 นายเทวัญ พุ่มผกา อายุ 28 ปี พนักงานโรงงานผลิตท่อก๊าซ ได้นำคลิปกล่องวงจรปิดเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน หลังจากเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ที่ 14 ตุลาคม 2564 หลังจากที่ตนเลิกงานขณะที่ตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์เพื่อจะกลับบ้านพัก ได้กลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คนซึ่งทำงานอยู่บริษัทเดียวกันดักทำร้ายโดยการถีบรถจักรยานยนต์ที่ตนขี่มาจนล้มและมีพรรคพวกที่มาดักรออยู่ก่อนแล้วกรูเข้ามาทำร้ายโดยมีทั้งเข็มขัดและมีดเป็นอาวุธจนตนได้รับบาดเจ็บสาหัสศีรษะแตก เย็บกว่า 10 เข็ม กระดูกแขนซ้ายหัก และถูกฟันที่กลางหลังอีก 2 แห่ง จนต้องแกล้งตาย เหตุเกิดบริเวณกลางสะพานข้ามคลองในซอยโตโย ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ
นายเทวัญ ได้เล่าว่า เมือวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตนได้มีเรื่องกับนายไม้ ( กางเกงขาสั้นสีชมพู เสื้อม่วงในคลิป ) เพื่อนร่วมงานที่ทำงานอยู่ในลานจอดรถของโรงงานเดียวกัน ขณะที่เดินสวนกัน ขณะที่ตนกำลังจะเลิกงาน ส่วนคู่คู่กรณีกำลังจะเข้าทำงาน ตนจึงเข้าไปถามว่ามองหน้าทำไม นายไม้ ได้ตอบกลับมาว่า แล้วจะทำไม มึงรูจักคนเยอะหรือไง และมีปากเสียงกัน ก่อนที่ตนจะกลับบ้านพัก แต่ก็ระวังตัวมาโดยตลอด
จนกระทั่งในช่วงเย็นวันที่ 14 ตุลาคม หลังจากตนเลิกลานได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านตามปกติ ขณะขี่มาถึงสะพานข้ามคลองภายกลางซอยโตโย ที่เกิดเหตุ ก็ได้มีวัยรุ่นขี่รถตามหลังมาก่อนที่คนนั่งซ้อมท้ายจะกระโดดลงจากรถวิ่งเข้ามาถีบรถจักรยานยนต์ของตนจนเสียหลักล้ม ก่อนที่จะมีวัยรุ่นซึ่งทราบภายหลังว่ามีทั้งหมด 10 คน ซึ่งเป็นคนที่โรงงานเดียวกันอีก 6 คน และที่ตนไม่รู้จักอีก 4 คน เข้ามารุมทำร้าย โดยมีทั้งมีดดาบและเข็มขัดเข้ารุมทำร้ายตนจนได้รับบาดเจ็บ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีก่อนที่จะล้มลงแกล้งตาย กลุ่มคู่กรณีจะพากันหนีไป ตนจึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ
ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยเร่งติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เพราะถือว่าพากันก่อเหตุอุกอาจ ไม่กลัวกฎหมาย แต่ตนก็ยอมรับว่ามีเรื่องกับ 1 ในกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 10 คน แต่เป็นการนัดท้าชกกันตัวต่อตัว ไม่ใช่พากันมารุมทำร้ายกันแบบนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: