หนุ่มใหญ่ดีเจร้านอาหารชื่อดังย่านถนนเทพารักษ์ พักอยู่เพียงลำพัง ผู้ดูแลร้านอาหารเห็นไม่ออกมาจากห้อง 4 วัน จึงโทรแจ้งลูกสาวผู้ตาย พบว่าผู้ตายเสียชีวิตอยู่ภายในห้อง คาดเสียชีวิตจากโรคประจำตัวกำเริบ
เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 ร.ต.ท.ณัฐพล ชมพู รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุชายเสียชีวิตภายในห้องพักอพาร์ทเมนท์ไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ปากซอยเทพารักษ์ 56 ( สินทวี ) เลขที่ 1791 / 2 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน อาสามูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ และชมรมบันไดบุญเพื่อเพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้ เดินทางเข้าตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ทเมนท์สูง 4 ชั้น ห้องที่เกิดเหตุอยู่ที่ชั้น 4 ห้องที่ 405 พบว่าประตูห้องดังกล่าวปิดล็อกกุญแจลูกบิดอยู่ มีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพลอยฟุ้งมาจากด้านในอย่างรุนแรง จึงตามผู้ดูแลอาคารนำกุญแจสำรองมาไขเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออกมาทุกคนถึงกับผงะ กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ที่ฟูกที่นอนด้านในพบศพของนายพรชัย เพชรสระแก้ว อายุ 50 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว ทำงานเป็นดีเจเปิดเพลงอยู่ที่ร้านอาหารพุงปลิ้น นอนคว่ำหน้าเปลือยกายเสียชีวิตอยู่บนฟูกที่นอนในสภาพขึ้นอืด ตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน จึงมอบศพให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช
จากการสอบถามบุตรสาวของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายป่วยเป็นโรคประจำตัวหลายโรคเป็นทั้งวัณโรค ความดัน เบาหวาน ผู้ตายจึงแยกมาเช่าห้องที่อพาร์ทเมนท์ดังกล่าวเพียงลำพัง แต่ก็ยังยึดอาชีพเป็นดีเจประจำอยู่ที่ร้านอาหารพุงปลิ้น ในช่วงหัวค่ำของวันนี้ ผู้ดูแลอาคารได้โทรศัพท์มาบอกตนว่าให้มาดูที่ห้องพักของผู้ตาย เนื่องจากไม่มีใครพบเห็นผู้ตายออกจากห้องพักมา 4 วันแล้ว แสงไฟในห้องยังเปิดอยู่และมีกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายซากศพลอยออกมาจากห้องเกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย ตนจึงรีบขี่รถจักรยานยนต์มาดูพร้อมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาร่วมตรวจสอบ ก่อนที่ผู้ดูแลอาคารจะนำกุญแจสำรองมาไขเปิดประตูเข้าไปดู และพบว่าพ่อนอนเปลือยกายเสียชีวิตอยู่ในห้อง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า หลังจากที่ผู้ตายกลับมาจากทำงานเตรียมตัวเข้านอนโดยที่ไม่สวมเสื้อผ้า แต่อาการของโรคประจำตัวของผู้ตายอาจกำเริบอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ตายหมดสติล้มคว่ำลงบนที่นอนก่อนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
