เกิดเหตุไฟไหม้เพิงเพาะเลี้ยงพันธุ์ไก่ชนวอด ไก่ชนกว่า 20 ตัว และสุนัข 2 ตัว ถูกไฟคลอกตายคากองเพลิง เหตุเกิดบริเวณท้ายซอยเทศบาลบางปู 59 หมู่ 7 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
เมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 22 ธันวาคม 2564 พ.ต.ท.สุนทราพร จาตูม สารวัตรสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ ได้รับแจังมีเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนบริเวณท้ายซอยเทศบาลบางปู 59 หมู่ 7 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลตำบลบางปู จำนวน 3 คันเดินทางเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบว่าเป็นเพิงพักชั้นเดียวไม่มีเลขที่ ได้พบว่าไฟได้ลุกไหม้จนใกล้หมดแล้วไม่มีคนอยู่อาศัยแต่ภายในมีการเพาะเลี้ยงพันธ์ไก่ชนไว้กว่า 20 ตัว ได้พบว่าไก่ทั้งหมดถูกไฟคลอกตายจนหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ได้เข้าฉีดน้ำดับเปลวไฟใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีเพลิงจึงสงบ พบว่าไฟได้ลุกไหม้เพิงพักดังกล่าวได้รับความเสียหายทั้งหมดรวมทั้งไก่ชนกว่า 20 ตัว และมีสุนัข 2 ตัวที่ถูกไฟคลอกตายคากองเพลิงไปด้วย
จากการสอบถามนางสาวนกสินธุ์ แก้วกัณหา อายุ 28 ปี ซึ่งมีบ้านพักอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เล่าว่า สถานที่แห่งนี้มีคนมาเช่าเอาไว้เพาะเลี้ยงพันธุ์ไก่ชน โดยปลูกสร้างเป็นเพิงพักชั้นเดียวด้านล่างเลี้ยงไก่ โดยเจ้าของจะเข้ามาในช่วงสาย ๆ และจะกลับออกไปในช่วงหัวค่ำ โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังนอนหลับอยู่ได้กลิ่นเหม็นไหม้ของควันไฟจำนวนมากลอยเข้าไปในบ้านตน จึงได้รีบลุกขึ้นมาดูได้พบว่าไฟกำลังลุกไหม้ภายในที่เพาะเลี้ยงพันธุ์ไก่ชนดังกล่าว โดยเปลวไฟได้ลุกโหมเพียงพักเดียวก็วอดเกือบหมดแล้ว ด้วยความตกใจเกรงว่าจะลามมาลุกไหม้บ้านใกล้เคียงซึ่งเป็นร้านรับซื้อของเก่า จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาให้การช่วยเหลือ
ขณะที่นายสรญา ตาลประเสริฐ อายุ 43 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าที่อยู่ติดกันได้เล่าว่า ขณะที่ตนนอนอยู่ก็ได้ยินเสียงดังเปาะแปะเหมือนประทัด และมันก็ดังถี่ขึ้นจึงออกมาดูได้เห็นไปลุกไหม้แล้วจึงรีบปลุกลูกหลานให้ช่วยกันเอาน้ำมาสาดและถอยรถออก ลากโฟมหลบออกมา จุดที่เกิดเหตุเขาทำเป็นฟาร์มไก่ชนไม่มีใครอยู่ คนเช่าจะมาเช้าและกลับไปตอนหัวค่ำ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวมีการปลูกสร้างแบบง่าย ๆ เพื่อกันแดดกันฝนให้ไก่ชนอยู่เท่านั้น และมีสายไฟโยงเข้าให้แสงสว่างในจุดที่เพาะเลี้ยงไก่ ซึ่งไฟฟ้าอาจเกิดการช็อตและลัดวงจรจึงเกิดไฟลุกไหม้ดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
