ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ พร้อมฝ่ายกฎหมายและทนายความ หอบหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่งกับอดีตผู้สมัครและผู้สื่อข่าวเพจหนึ่งฐานหมิ่นประมาทลงข้อมูลอันเป็นเท็จ เผยไม่รับคำขอโทษยันดำเนินคดีถึงที่สุด
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 30 ธันวาคม 64 ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ พร้อมทีมกฎหมายและทนายความ ได้หอบเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต อุทิศ พาราษฎร สารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี สมุทรปราการ ให้ดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่ง กับคู่กรณีซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองและเป็นอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบต.บางพลีใหญ่ พร้อมกับพวกรวมนักข่าวเพจหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และกฎหมายเลือกตั้ง กรณีถูกใส่ร้ายให้ได้รับโทษทางการเมือง
ข่าวน่าสนใจ:
- ชัยภูมิชาวโนนทองสืบสานประเพณีนอนลานตีข้าวเปิดลานศูนย์รวมสุดยอดสินค้าอาหารพื้นบ้านไทยส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 68 คึกคักกว่าทุกปี!
- สมัครชิง ส.อบจ.เพชรบูรณ์ วันแรกคึกคัก! โยนเหรียญหัว-ก้อยลุ้นเบอร์ ผู้สมัครฯพรรคปชน.-อิสระ ท้าชนอดีตแชมป์สังกัดว่าที่นายก อบจ. 7 สมัย
- รับสมัคร นายกอบจ.-ส.อบจ.ตรัง วันแรกคึกคัก! บ้านใหญ่ตระกูลโล่ฯ-ส.ส.ตรังทุกพรรค-กองเชียร์นับพัน แห่ให้กำลังใจ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” สู้ศึกอีกสมัย…
- รับสมัคร นายก อบจ.และ ส.อบจ.สุราษฎร์ ฯ คึกคัก
ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ ได้เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนและฝ่ายกฎหมายพร้อมด้วยทนายความได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่ได้รับข่าวสารจากการลงข่าวในเพจ เพจหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ ว่าในการรับสมัครการเลือกตั้งนายก อบต.บางพลีใหญ่ กล่าวหาว่าตนได้ใช้วุฒิการศึกษาที่ไม่ได้รับการรับรองในประเทศไทย ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง และมีการให้สัมภาษณ์ว่า เหมือนว่าตนหลอกลวงประชาชนในตำบลบางพลีใหญ่ ใช้วุฒิการศึกษาที่ กพ.ในประเทศไทยไม่ได้รับรองทำให้ประชนหลงเชื่อ และตนไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถในการที่จะดำรงตำแหน่ง นายก อบต.บางพลีใหญ่ วันนี้ตนก็เลยมาแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาหมิ่นประมาทและข้อหาอื่น ๆ โดยได้มอบหมายให้ทีมทนายความและฝ่ายกฎหมายดำเนินการในส่งนี้ วันนี้ตนจึงแจ้งให้ทราบว่าสถานบันที่ตนเรียน กพ.ในประเทศไทยรับรองเป็นลำดับที่ 449 ซึ่งทดลองเปิดดูในเว็บไซต์ได้เลย
ซึ่งสถาบันที่ตนเรียนมาก็มีผู้บริหารท้องถิ่นเข้าไปเรียนกันเยอะ และผู้บริหารฐานศึกษาก็มีเข้าไปเรียนกันเยอะ ซึ่งตนก็อยากปกป้องสถาบันที่เรียนมา ในการที่บอกว่าสถาบันที่ตนเรียนไม่ได้รับรองในประเทศไทย ทำให้หลายคนที่ไปเรียนอยู่ก็ไม่สบายใจว่า ทำไมมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จริง ๆ ถ้ามีการตรวจสอบในเบื้องต้นสถาบันนี้ไม่มีการรับรอง เราไม่ได้มีการจบการศึกษาจริงเราก็คงโดนตัดสิทธิ์ตั้งแต่แรกแล้วในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครแล้ว ตอนนี้จริง ๆ แล้วเราอยู่ในระหว่างที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งให้เราดำเนินการเทียบวุฒิการศึกษาจากกองยกระดับของกระทรวงอุดมศึกษา ว่าวุฒิที่เราจบมา วุฒิ ด็อกเตอร์ปริญญาเอกเทียบเท่ากับระดับไหนของประเทศไทย ขั้นเงินเดือนเท่าไหร่ เพราะปกติคนที่จะรับราชการทุกครั้งที่จะไปปรับวุฒิ จะต้องไปเทียบวุฒิ ถ้าเป็นวุฒิต่างประเทศจะต้องไปเทียบวุฒิที่กองยกระดับก่อน แต่ในการประกาศการเลือกตั้งไม่ได้แจ้งเรามาก่อนเพราะฉะนั้นเราเลยไม่ได้ไปดำเนินการเทียบวุฒิก่อน แต่ตอนนี้เราดำเนินการเทียบวุฒิ ไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนแล้วเรามีเอกสารในการที่เราไปขอเทียบวุฒิ ก็คิดว่าอีกไม่กี่วันนี้น่าจะได้กลับมาแล้วเพราะเดือนหนึ่งเราจะประชุมเพียงแค่ 1 ครั้งและช่วงโควิดจะเป็นการเวิร์คฟอร์มโฮมกันเสียส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นเราก็เลยรอเอกสารตัวนี้อยู่เพื่อที่จะมาประกอบให้ถูกต้องให้ครบตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งขอมา
แต่ถ้าบอกว่าปริญญาเอกเราไม่ได้การรับรองอันนั้นไม่ใช่เรารับรองถูกต้อง ซึ่งในเรื่องนี้มีการนำเสนอข่าวนี้เราก็จะดำเนินคดีสื่อด้วยซึ่งมีด้วยการ 3 รายและส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยเพราะเรามีการะบุไปด้วยว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการที่ร่วมกันไปยื่นเอกสารที่สำนักงาน กกต.จังหวัด ซึ่งในเบื้องต้นเราทราบเพียงแค่นี้ แต่ถ้าเราทราบชื่อภายหลังเราก็จะแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติม การที่ไปยื่นเอกสารกับ กกต.เมืองวันที่ 27 ที่ผ่านมาก็จะเข้าข่ายหมิ่นประมาท และอาจผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งถือเป็นการร้องเพื่อกลั่นแกล้ง ส่วนทางด้านสื่อ เราก็ยังไม่ทราบว่าการที่เขาไปลงข่าวเขาลงโดยสุจริตหรือลงโดยมีผู้บอกให้ลงหรือเปล่าเราก็ไม่มั่นใจ เราก็จะดำเนินคดีในส่วนของการที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วย โดยยืนยันว่าจะดำเนินทั้งคดีอาญาและแพ่งให้ถึงที่สุดโดยไม่รับคำขอโทษ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: