คืบหน้า กรณีสี่ชายฉกรรจ์รุมทืบกิ๊กใหม่กลางถนนก่อนลากแฟนสาวขึ้นรถขับหายไป ล่าสุดตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ตามตัวได้แล้ว
จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ที่ 10 มกราคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุมีกลุ่มชายฉกรรจ์รวม 4 คนที่ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า แจ๊ส สีขาว ทะเบียน 5 กฌ 7954 กรุงเทพมหานคร มาจอดประกอบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า แจส สีเขียวดำ ทะเบียน 2 กฮ 4137 กรุงเทพมหานคร ชายหญิงถูกทำร้ายร่างกายที่จอดรถติดไฟแดงอยู่ก่อนถึงสี่แยกรถรางเก่า ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนที่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดจะลงมารุมทำร้ายสองชายหญิงจนได้รับบาดเจ็บกลางถนนท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่จอดติดไฟแดงอยู่ ก่อนที่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดจะลากตัวผู้บาดเจ็บที่เป็นหญิงขึ้นรถของผู้บาดเจ็บก่อนที่จะพากันขับหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ
ข่าวน่าสนใจ:
- ชัยภูมิชาวโนนทองสืบสานประเพณีนอนลานตีข้าวเปิดลานศูนย์รวมสุดยอดสินค้าอาหารพื้นบ้านไทยส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 68 คึกคักกว่าทุกปี!
- คอกาแฟแห่เที่ยวงานพังงาคอฟฟี่เจอร์นี่ ซีซั่น 3 ภายใต้รูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Coffee in the Park ในสวนสมเด็จฯพังงา
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
- ศึกชิงนายก อบจ.สมุทรปราการ คึกคัก
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 11 มกราคม 2565 นายสถาพร ป้องศรี อายุ 24 ปี ผู้บาดเจ็บที่ถูกทำร้ายได้เดินทางมาที่โรงพัก สภ.สำโรงเหนือ เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยนายสถาพร ได้เล่าว่าตนรู้จักกับน.ส.ปาริชาติ พูนขวัญ อายุ 31 ปีทางแชทได้ประมาณ 1 เดือน และมานัดเจอกันเมื่อวานนี้ โดยฝ่ายหญิงขับรถมาจากนครปฐมมารับตนออกไปกินข้าวกัน หลังจากที่กินข้าวเสร็จก็พากันขับรถออกมาและมาจอดรถติดไฟแดงอยู่ตรงที่เกิดเหตุ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจอกันโดยฝ่ายหญิงบอกว่ากำลังเลิกกับแฟนและขนข้าวของกับไปอยู่ที่บ้านตัวเองแล้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานตนก็ไม่ได้เห็นว่าใครเป็นคนถีบประตูรถเข้าไปก่อนทำร้ายตน ส่วนเรื่องที่ทางผู้ก่อเหตุอ้างว่าเคยเตือนตนแล้วถึง 2 ครั้งให้เลิกยุ่งกับฝ่ายหญิงนั้นไม่เป็นความจริง แต่เคยคุยกันและทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ และผู้หญิงก็ตามตนมาเอง และเพิ่งเจอกับผู้ก่อเหตุครั้งแรกก็เมื่อวานนี้เขาก็ถีบกระจกเข้าไปและชกต่อยตนในรถและลากออกมาตี่ข้างนอกอีก ตามคลิปที่ออกไป หลังเกิดเหตุฝ่ายหญิงก็ยังโทรมาบอกว่าถูกฝ่ายชายบังคับตนมีหลักฐานทุกอย่างและอยากให้ตำรวจไปช่วยและเห็นว่าฝ่ายหญิงจะเอาเรื่องที่ทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยว
และในเวลาต่อมา น.ส.ปาริชาติ หญิงสาวที่ถูกลากขึ้นรถไปได้เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนเช่นกัน โดยได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนก็รู้ว่าเขาติด GPS ที่รถแต่ตนหาแล้วแต่ไม่เจอ ก็เลยขับรถออกมาเลย และก็ตามมาและกระโดดถีบกระจกและเข้ามาทำร้ายเลย ตนก็พยายามห้ามเพราะตนนั่งอยู่ในรถแต่ตนก็ถูกทำร้ายด้วยถูกชกเข้าที่ปากและที่หน้าประมาณ 3-4 รอบและตนก็ยืนยันว่าเลิกกับผู้ก่อเหตุแล้วและขนของกลับมาอยู่ที่บ้านตนเองแล้ว หลังจากที่เลิกกันมาเขาก็เพิ่งมาตามเมื่อวานนี้แต่เขาก็แชทมาหาตลอดว่าเขาไม่ยอมเลิกและเพิ่งขนข้าวของออกมาอยู่บ้านตัวเองไดประมาณ 3 วัน และเมื่อวานหลังเกิดเหตุตนก็ถูกบังคับให้ขึ้นรถและเขาก็พากลับไปที่บ้านที่เคยอยู่ด้วยกัน และเขาก็ยึดโทรศัพท์ยึดรถของตนไปหมดเลย และเขาก็ถามเราว่าจะเอาอย่างไร พอเราไม่ตอบเขาก็เตะเข้าที่ก้านคอ 3-4 ที และช่วงที่อยู่บนรถก็ถูกตบ 4-5 ทีและต่อยปาก ส่วนที่ว่าตนมีการคบผู้ชายซ้อนถึง 4 คนในเวลาเดียวกันนั้นไม่เป็นความจริงแต่มันเป็นการพูดเอาดีเข้าตัว หลังจากเกิดเรื่องตนก็รู้สึกกลัวและขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ต่อมาในเวลา 15.00 น.นายศุภวิช หรือกันต์ นิจศรีวงษ์ อายุ 28 ปี นายธันวา หรือบิ๊ก มีนะโรจน์ อายุ 32 ปี 3, นายอนุชา หรือเนม บุญยะวณิช อายุ 34 ปี และ 4 นายเทพวิชญ์ หรือเติ้ล สมเนตรกรสีห์ อายุ 20 ปี ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน หลังจากที่เมื่อคืนนี้ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยนายศุภวิช ได้เปิดใจว่า ตนเองกับแฟน อยู่กินกันมาเข้าสู่ปีที่ 5 และกับคู่กรณีคือ นายราม ตนเองจับได้ว่าคุยกัน และตนเคยขอร้องนายราม ด้วยการแชทไปพูดคุยแล้วว่าไม่อยากให้มายุ่งกับคนของตน เพราะไม่อยากมีปัญหา และฝ่ายชายรับปากแล้วว่าจะไม่คบ เพราะเป็นลูกผู้ชายพอ ขณะที่เกิดเหตุ ยืนยันว่า ยังอยู่กินกัน แต่ฝ่ายหญิงอ้างว่า ขอกลับบ้านแม่ไปช่วยจับปลา และตนเองก็โทรไปถามจะกลับรึยัง ฝ่ายหญิงก็อ้างว่าแม่ไม่ให้กลับและยังไม่อยากกลับ และขอแยกกันอยู่เพื่อทบทวนบทเรียนที่ผ่านมาก่อน และฝ่ายหญิงมีการส่งข้อความมาว่า ถ้าเขาจะกลับมาจะรอได้หรือไม่ ซึ่งตนมีหลักฐานการพูดคุยเป็นแชทข้อความทั้งหมด ที่ ไม่มีคำว่าเลิก แต่เป็นการขอแยกกันอยู่
และในวันเกิดเหตุ ตนเปิดจีพีเอสที่ติดไว้ที่รถ ซึ่งฝ่ายหญิงก็รับรู้ แล้วเห็นว่าฝ่ายหญิงขับรถออกจากบ้านตนก็ดีใจ แต่ขับรถมาสมุทรปราการ และก็สังหรณ์ในว่า จะมาหานายราม จึงชวนเพื่อนที่ทำงานด้วยกันขับรถมาดู แล้วจังหวะที่เจอ พบว่าอยู่ด้วยกันจริง จึงเกิดบันดาลโทสะ จึงลงไปก่อเหตุ แต่ยืนยันว่าไม่ได้จิกหัวฝ่ายหญิง เป็นการจับท้ายทอย แต่ยอมรับว่า ระหว่างทางที่พาฝ่ายหญิงมา ตนตบฝ่ายหญิงบนรถ และก่อนหน้านี้ ระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่าน ตนจับได้ว่าฝ่ายหญิงคบผู้ชายซ้อนกันถึง 4 คน ก่อนที่จะมาคบกับนายราม ซึ่งเป็นคนที่ 5 ทำให้ตนเองรู้สึกเกินที่จะรับได้ ส่วนตลอดเวลาที่คบกัน 4 ปี ยอมรับว่า เคยทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิง ด้วยสาเหตุเพราะเรื่องผู้ชายและการคบซ้อน และไม่เคยคิดที่จะเลิก เพราะรักฝ่ายหญิงมาก
นายกันต์ ยังยอมรับทั้งน้ำตา ว่า ตนเจ็บมาเยอะแล้ว รับมาเยอะแล้ว หากใครไม่อยู่ในจุดเดียวกับตนคงไม่รู้ เพราะเคยคุยกันแล้วลูกผู้ชายพอ และเป็นการแอบคุยกันตอนที่คบกับตน ซึ่งคงไม่มีใครยอมได้ ตนก็สุดแล้วเหมือนกัน และยอมรับว่า จนถึงตอนนี้ ก็ยังรักอยู่ แต่เขาเปลี่ยนใจไปแล้วคงไม่สามารถดึงเขากลับมาได้ ส่วนจะเป็นบทเรียนความรักอย่างไร คงพูดไม่ถูก มันจุก วินาทีนี่ก็ยังรักเขา ถ้าไม่รักคงไม่ทำไป ลูกผู้ชายใครจะทนได้ แต่หลังจากนี้ยืนยันว่า จะไม่ไปราวีอีก หากเขาทั้งสองคนจะไปคบหากัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุทั้งหมดว่า ร่วมกันทำร้ายร่างกาย และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ต้องรอการสอบสวนอีกครั้งว่าเข้าข่ายหรือไม่หากพบว่าเข้าข่ายก็จะได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: