หนุ่มวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เดือดอดีตภรรยาสาวควงหนุ่มวัย 30 ปี ซึ่งเป็นแฟนใหม่ มาเย้ย บุกชักปืนยิงเข้าหัวและหน้าอกดับ เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 117 ซอยสายลวดซอย 8 แยกย่อยซอย 4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ร.ต.อ.คเณศ งามประเสริฐ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุชายถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในบ้านเลขที่ 117 ซอยสายลวดซอย 8 แยกย่อยซอย 4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมือง สมุทรปราการ กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ
ข่าวน่าสนใจ:
- รับสมัครเลือกตั้ง สจ.สระแก้ว วันแรกคึกคัก พรรคประชาชนส่งทีมลงสมัครหลายพื้นที่ ส่วนอดีต สจ.บางคนไม่ลงเพราะต้องลงเลือกตั้งท้องถิ่น
- ตรัง ร้านอาหารผวา!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วน อ้างสั่งอาหารหรู "พระกระโดดกำแพง" หลอกร้านดังเกือบเสียเงินแสน
- ชัยภูมิ นทท.แห่สัมผัสทะเลหมอกน้ำค้างแข็งหลายพื้นที่แตะ 7 องศาคึกคัก!
- ‼️คุมเข้มทุกตารางนิ้ว-หลัง ผกร.เหิมหนัก บึ้ม จนท.
ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้นที่บริเวณชั้นล่างหน้าบันใดทางขึ้นชั้น 2 ได้พบร่างของนายเมธี กิจแก้ว อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย นอนจมกองเลือดอยู่ข้างเครื่องซักผ้ามีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณขมับซ้าย ทะลุกลางศีรษะ 1 นัด กลางหน้าอก 1 นัด และ ใต้รักแร้ข้างซ้ายอีก 1 นัด นอนหายใจรวยละลินอยู่กับพื้นโดยมี น.ส.สาวิตรี เกลื้อกูล อายุ 37 ปี แฟนสาวนั่งกอดร่างร้องไห้อยู่ เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้เร่งให้การช่วยเหลือก่อนเร่งนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในที่เกิดเหตุพบหัวกระสุนปืนขนาด .38 ตกอยู่จำนวน 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ก่อเหตุทราบว่าชื่อนาย เลิศชาย แซ่อึ้ง อายุ 40 ปี ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ที่ปากซอยสายลวดซอย 8 เบอร์ 13 หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีขาว หลบหนีไป
จากการสอบถาม น.ส.ณัฐธิณี สุทธ์สุทัศน์ อายุ 23 ปี ลูกสาวเจ้าของบ้าน ได้เล่าว่า ผู้เสียชีวิตและภรรยาไม่ได้พักบ้านที่เกิดเหตุ แต่มาขอใช้เครื่องซักผ้า โดยขณะเกิดเหตุ น.ส.สาวิตรี และผู้ตายได้มาขอใช้เครื่องซักผ้า และในระหว่างที่น.ส.สาวิตรี และ ผู้ตายซึ่งเป็นแฟนใหม่กำลังช่วยกันซักเสื้อผ้าตนก็ได้ยินเสียงผู้ตายทะเลาะอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่งอยู่พักใหญ่ ซึ่งตนมาทราบภายหลังว่าเป็นนายเลิศชาย ผู้ก่อเหตุ ก่อนที่เสียงจะเงียบหายไป ตนจึงไม่คิดอะไรคิดว่าเรื่องน่าจะจบลงแล้ว แต่ต่อมาอีกพักใหญ่ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 3 นัด ตนจึงได้วิ่งลงมาดูได้เห็นนายเลิศชาย ผู้ก่อเหตุยืนถือปืนลูกโม่ขนาด .38 สีดำอยู่ในมือ โดยที่ผู้ตายนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น ก่อนที่นายเลิศชาย จะเดินค่อย ๆ เดินออกขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางปากซอย หลังตั้งสติได้ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ภัยที่เป็นเพื่อนกันให้มาช่วยนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล
ขณะที่ นางแดง สุทธ์สุทัศน์ อายุ 71 ปี แม่นของ น.ส.สาวิตรี ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวตนกับนายเลิศชายเคยเป็นสามีภรรยากันมาหลายปีจนมีลูกด้วยกัน 2 คน อายุ 19 และ 21 ปี ก่อนที่จะมาแยกทางกันเมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมาโดยลูกทั้งสองนายเลิศชาย เป็นคนเอาไปเลี้ยง ส่วนลูกสาวตน หลังจากที่แยกทางกับนายเลิศชาย ก็มาคบกับผู้ตาย และแยกไปเช่าห้องพักอยู่ด้วยกันไม่ไกลจากบ้านที่เกิดเหตุ โดยก่อเหตุเหตุตนเห็นลูกสาวและผู้ตายเอาเสื้อผ้ามาซักที่บ้าน ก่อนที่นายเลิศชาย อดีตลูกเขย จะตามเข้ามาคุยกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่เดินออกมาขี่รถจักรยานยนต์ออกไปเพียงพักใหญ่และขี่รถจักรยานยนต์กลับเข้ามาจอดเลยหน้าไปที่เกิดเหตุไปประมาณ 100 เมตร ก่อนที่จะเดินถือปืนย้อนกลับมาและเดินเข้าไปยิงผู้เสียงชีวิต 3 นัดซ้อน ก่อนที่จะเดินถือปืนกลับออกมาแบบใจเย็นมาขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมตัวนายเลิศชาย ผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้แล้วในขณะที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกมาทางถนนสายลวดห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนคุมตัวมาทำการสอบสวนที่โรงพักพร้อมด้วยอาวุธปืนขนาด .38 ที่ใช้ก่อเหตุ โดยนายเลิศชาย ผู้ก่อเหตุได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุดังกล่าวจริงเนื่องจากคับแค้นใจ ที่ผู้ตายมาแอบคบกับภรรยาตนจนเป็นเหตุให้ภรรยาต้องมาแยกทางกับตน ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุนายเลิศชาย อ้างว่าเก็บได้มาจากงานเจดีย์เมื่อสองปีที่ผ่านมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและยิงปืนในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรก่อนควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: